ความเสี่ยงในการทำงานในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นเราควรมีวิธีการการปฐมพยาบาล การให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือผู้ป่วยในชั้นแรก
ที่ต้องทำในทันทีทันใดหรือในสถานที่เกิดเหตุ โดยการใช้อุปกรณ์เท่าที่จะหาได้และความรู้ในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเพื่อลดอันตรายก่อนที่ผู้บาดเจ็บจะถึงมือแพทย์ หรือขณะที่ไปยังโรงพยาบาล
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
ช่างกล้องวงจรปิด
วัตถุประสงค์ของการปฐมพยาบาล
- เพื่อช่วยชีวิต
- เพื่อลดความรุนแรงของการบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วย
- เพื่อลดความเจ็บปวด
- เพื่อป้องกันความมพิการที่จะเกิดขึ้น
หลักปฏิบัติโดยทั่วไป
- หาสถานที่ที่เหมาะสมและมีอากาศถ่ายเทได้สะดวกบริเวณใกล้ ๆ ที่เกิดเหตุ และห้ามบุคคลอื่นอย่าให้มามุงดู
- ผู้บาดเจ็บยังมีสติพูดได้อยู่ ให้สอบถามอาการและสาเหตุ หรือถามจากผู้พบเห็นเหตุการณ์ ควรตรวจดูให้แน่ว่าได้รับอาการบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด
- เมื่อรู้ตำแหน่งบาดแผลของผู้บาดเจ็บแล้วให้รีบแก้ไขอาการที่หนักและเป็นอันตรายต่อชีวิตมากที่สุดก่อนอื่น
- ห้ามทำการเคลื่อนย้ายผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจากจำเป็นต้องทำเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มอีก การเคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสให้ใช้วิธีการเคลื่อย้ายผู้ป่วยให้เหมาะสมกับลักษณะอาการ
- ห้ามให้น้ำหรือเครื่องดื่มอื่นใดแก่ผู้ได้รับการบาดเจ็บที่ยังไม่รู้สึกตัว หรือรู้สึกตัวบ้างเล็กน้อย
- พยายามทำให้ผู้บาดเจ็บสบายที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และให้กำลังใจแก่ผู้บาดเเจ็บ อย่าพูดถึงความร้ายแรงของบาดแผลหรือเหตุที่เกิดขึ้น
- รีบหายานพาหนะนำผู้ที่ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
กรณีที่เป็นลมหมดสติ
โดยการรีบนำตัวผู้ป่วยออกมาจากสถานที่อับอากาศโดยเร็ว และทำการปฐมพยาบาลตามขั้นตอนและชนิดของการเป็นลมหมดสติดังนี้
การเป็นลมหน้าซีด อาจเกิดจาก
- เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
- สมองถูกกระทบกระเทือน
- ทำงานหนักเกินไป
- หิวจัด
- ร้อนจัด
- อ่อนเพลียจากโรคอื่น ๆ
- ตกใจมาก
การให้ความช่วยเหลือ
- ให้นำผู้ป่วยพาเข้าร่ม และอย่าให้มีคนมุง
- ให้นอนราบ และยกเท้าให้สูง
- คลายเสื้อผ้าของผู้ป่วยออกให้หลวม
- พักให้เย็น หรืออาจช่วยเช็ดตัวด้วยน้ำแข็ง
- ให้ดมยาแอมโมเนีย หรือให้ดื่มน้ำเย็นถ้าเกิดจากความร้อนให้ดื่มน้ำที่ผสมเกลือ
- ถ้าผู้ป่วยมีอาการอาเจียนด้วยต้องรีบคอยเช็ด
- ถ้าผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวให้จับนอนตะแคงศรีษะเงยหน้าไปข้างหลังเล็กน้อย
- ถ้าผู้ป่วยไม่หายใจให้ช่วยทำการหายใจได้ทันที
- รีบนำตัวผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที
ผู้ป่วยเป็นลมหน้าเขียวคล้ำ เกิดจาก
- อากาศหายใจไม่เพียงพอ
- โรคลมบ้าหมู
- ทางเดินหายใจถูกอุดตัน จากสิ่งของเข้าไปอุด สำลักอาหาร
อาการของผู้ป่วยจะมีอาการแน่นหน้าอก ไอ หายใจหอบถี่แรง เหงื่อออกมาก ผิวหนัง ริมฝีปาก เล็บมือเป็นสีคล้ำ หายใจมีเสียงครืดคราด
การให้ความช่วยเหลือ
- ให้ผู้ป่วยนอนราบ
- คลายเสื้อผ้าของผู้ป่วยให้หลวม
- อย่าให้คนมุง
- ตามแพทย์และรถพยาบาลด่วน
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
กรณีที่ผู้บาดเจ็บมีเลือดออก
เมื่อผู้บาดเจ็บได้รับอันตรายจากการเสียเลือดนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนเลือดที่เสียไป และระยะเวลา ถ้าออกมากและเร็วก็อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้อย่างรวดเร็ว
อาการของการเสียเลือด
ถ้ามีเลือดออกเพียงเล็กน้อยอาจไม่มีอาการใดๆ เลย แต่ถ้าเลือดออกมากจะมีอาการตามลำดับ ดังนี้
- เวียนศรีษะ
- เหนื่อย
- กระหายน้ำ
- ซีด
- กระวนกระวาย
- เหงื่อออก ตัวเย็น ซึ่งอาการเหล่านี้แสดงว่าผู้ป่วยช็อค
- หายใจหอบ ซึ่งอาการเหล่านี้แสดงว่าผู้ป่วยช็อค
- คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งอาการเหล่านี้แสดงว่าผู้ป่วยช็อค
- ชีพจรเบา เร็วหรือคลำหาชีพจรไม่ได้ อาการเหล่านี้แสดงว่าผู้ป่วยช็อค
การให้ความช่วยเหลือ
ถ้าผู้บาดเจ็บมีเลือดออกมากและเร็ว จำเป็นต้องให้การช่วยเหลือทนที โดยให้ผู้ป่วยนอนราบ
การปฐมพยาบาลบาดแผล ชนิดของบาดแผล
- แผลถูกแทงที่ท้อง
- แผลถูกแทงที่หน้าอก
- บาดแผลมีวัสดุปักคา
- บาดแผลถูกยิง
- บาดแผลที่อวัยวะส่วนปลายถูกตัดขาด
หลักการปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บที่ถูกแทง
- ถ้ามีวัสดุหักคาอยู่ ห้ามดึงออกเด็ดขาก
- ให้ผู้บาดเจ็บงดน้ำ งดอาหาร
- ถ้ามีอวัยวะภายในโผล่ออกมา ห้ามจับใส่เข้าไป ให้ใช้ผ้าสะอาดปิดแผลไว้
- ให้รีบนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลทันที
บาดแผลที่มีอวัยวะส่วนปลายถูกตัดขาด
- ให้ทำการห้ามเลือด ตามหลักการห้ามเลือด
- เก็บชิ้นส่วนที่ถูกตัดขาด ตามวิธี เช่น กด และยกส่วนที่บาดเจ็บให้สูงขึ้น, นำอวัยวะที่ถูกตัดขาด ใส่ถุงพลาสติกที่แห้งและสะอาด
ปิดปากถุงพลาสติกให้แน่นแล้วนำถุงพลาสติกแช่ลงในน้ำแข็งหรือน้ำเย็น, ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว พร้อมอวัยวะที่ขาด
การห้ามเลือด
- ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ใช้ผ้าสะอาดพับหนาๆ กดบนบาดแผล
- ใช้ผ้ายืดพันทับบนผ้าที่กดบาดแผลไว้
- ถ้าเลือดออกมาก ให้ใช้มือกดบนบาดแผล แล้วยกส่วนนั้นให้สูงเหนือระดับหัว
- ระวังอากาช็อค จากการเสียเลือด
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
การปฐมพยาบาลจากแผลไหม้และน้ำร้อนลวก
- สาเหตุของการเสียชีวิตจากแผลไหม้นั้นเกิดจากทางเดินหายใจได้รับอันตราย, เสียน้ำ และน้ำเหลืองจำนวนมาก, ช็อค จากการเสียน้ำและของเหลว, เกิดจากการติดเชื้อ
- ต้องหยุดยั้งความร้อน
- การดับไฟโดยการใช้น้ำราด หรือใช้ผ้าหนาๆ ชุบน้ำคลุมตัว
- ถอดเสื้อผ้าที่ไหม้ไฟ หรือถูกน้ำร้อนลวก พร้อมทั้งเครื่องประดับออกจากร่างกายและสำรวจผู้ป่วยตามวิธีการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน, ถ้ามีบาดแผลเลือดออก ต้องห้ามเลือด, ถ้ามีกระดูกหัดต้องเข้าเฝือก
แผลไหม้จากสารเคมี
- สารเคมีที่เป็นน้ำหกรดราดผิวหนังหรือลำตัว ให้ใช้น้ำล้าง โดยตักราด หรือเปิดให้น้ำไหลผ่านตัว นาน 10 นาที, ถอดเสื้อผ้าเครื่องประดับที่เปื้อนสารเคมีออกให้หมด,
ตรวจดูร่างกายทั่วไปเกี่ยวกับการหายใจ หรือบาดแผลอื่นๆ ถ้ามีความผิดปกติต้องรีบให้การช่วยเหลือทีนที, และรีบนำส่งโรงพยาบาลสำหรับผู้ที่มีอาการบาดเจ็บสาหัส - สารเคมีที่เป็นผง ให้ปัดสารเคมีออกจากเสื้อผ้าให้หมดก่อน, ล้างออกด้วยน้ำ, ผู้ช่วยเหลือต้องระวังไม่ให้สัมผัสกับสารเคมีนั้นด้วย
ข้อควรพึงระวังในการดูแลแผลไหม่
สิ่งที่ควรปฏิบัติ
- ใช้ความเย็นจากน้ำ นำมาระบายความร้อน , ปิดด้วยผ้าแห้งและสะอาด , ดูแลไม่ให้เกิดภาวะช็อค
สิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ
- ห้ามใช้น้ำแข็ง หรือน้ำที่เย็นจัดนำมาประคบ
- ห้ามใช้สิ่งต่าง ๆ ปิดแผล ยกเว้นผ้าสะอาด
- ห้ามดึงชิ้นส่วนของเสื่อผ้าที่ติดหนังออก
- ห้ามระบายความร้อนแผลไหม้ที่ลึกกว่า ชั้นผิวหนัง
- ห้ามเจาะถุงน้ำ
- ห้ามใช้ขี้ผึ้ง ครีม ที่ทำให้เกิดความร้อน
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
สารเคมีเข้าตา ควรปฏิบัติดังนี้
- ล้างตาด้วยน้ำสะอาด นานประมาณ 20 นาที
- ระวังอย่าให้น้ำกระเด็นเข้าตาอีกข้างหนึ่ง
- ปิดตาด้วยผ้าสะอาด
- รีบนำส่งโรงพยาบาล
สิ่งแปลกปลอมเข้าตา
- ห้ามขยี้ตา
- เปิดเปลือกตา เขี่ยผงออก
- ถ้าผงไม่ออก ลืมตาในน้ำกรอกตาไปมา
- ถ้ายังไม่ออกให้รีบไปพบแพทย์
สิ่งแปลกปลอมเข้าหู
- ถ้าเป็นแมลงเข้าหู ให้หยอดด้วยน้ำมันมะกอก
- วัตถุเข้าหู ให้ตะแคงหูข้างนั้นลง ถ้าไม่ออกให้รีบไปพบแพทย์
ภาวะช็อคจะมีอาการ
- เหงื่อออก
- ตัวเย็น
- กระสับกระส่าย
- หายใจเร็ว
- ชีพจรเบาและเร็ว
- ไม่รู้สึกตัว และเสียชีวิต
การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและกระดูก
- ข้อเคล็ด จะมีอาการ เจ็บปวดมาก บวม และร้อน อาจมีเลือดออกบริเวณข้อ เคลื่อนไหวไม่ถนัด หากมีอาการชาบริเวณข้อเคล็ด แสดงว่าเส้นประสารที่การฉีกขาด
การปฐมพยาบาล
พักข้อนิ่งๆ ยกมือ หรือเท้าขึ้นสูง หรือใช้ผ้าคล้องแขนไว้ ประคบเย็น 24 ชั่วโมง หลังจากนั้น ให้ประคบร้อน พันด้วยผ้ายืด ภายใน 7 วัน ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์
- ข้อเคลื่อน จะมีอาการ ปวด บวม บริเวณข้อ เคลื่อนไหวไม่ได้
การปฐมพยาบาล
พักข้อนิ่งๆ ประคบเย็น ใช้ผ้าพัน หรือเข้าเฝือกชั่วคราว นำส่งโรงพยาบาล พร้อมงดน้ำ งดอาหาร
- กระดูกหัก จะมีอาการ ปวด บวม ร้อน บริเวณที่หัก ถ้าจับกระดูกนั้นจะโยก หรือบิดเล็กน้อย จะมีเสียงดังกรอบแกรบ การเคลื่อนไหวผิดปกติ รูปร่างของกระดูกผิดปกติ อาจมีบาดแผลและพบปลายกระดูกโผล่ออกมา
การปฐมพยาบาล
จัดกระดูกที่หักให้อยู่กับที่ หากมีกระดูกโผล่ออกมา ห้ามดันกลับ ให้ห้ามเลือดและปิดแผลไว้ ถอดเสื้อผ้าผู้บาดเจ็บ โดยวิธีการใช้กรรไกรตัด การหักของกระดูกชิ้นสำคัญ เช่น กระดูกเชิงกราน กระดูกสันหลัง ต้องการการรักษาที่ถูกต้อง
การเข้าเฝือก
การใช้วัสดุต่างๆ พยุง หรือห่อหุ้มอวัยวะส่วนที่กระดูกหักให้อยู่นิ่ง เฝือกมี 3 ชนิด คือ เฝือกจริงหรือถาวร เฝือกชั่วคราว เฝือกธรรมชาติ แต่ในการปฐมพยาบาลจะให้ใช้เฝือกชั่วคราว
การเข้าเฝือกชั่วคราว
วัสดุที่ใช้ดาม ต้องยาวกว่าอวัยวะส่วนที่หัก ไม่วางเฝือกลงบนบริเวณที่กระดูกหักโดยตรง ควรมีสิ่งอื่นรองรับ มัดเฝือกกับอวัยวะที่หักให้แน่นพอควร
กระดูกปลายแขนหัก
การปฐมพยาบาล ให้ใช้เฝือกยาวตั้งแต่ปลายนิ้วถึงข้อศอก พันด้วยเชือกหรือผ้าให้กระชับ ใช้ผ้าคล้องคอห้อยแขน
กระดูกต้นแขน หรือไหปลาร้าหัก
การปฐมพยาบาล ให้ใช้ผ้าคล้องแจนแล้วผูกกับคอ พันรัดแขนที่หักให้ติดกับลำตัวด้วยผ้าอีกผืนตามแขนในแนวตรง
กระดูกท่อนขาล่างหัก
การปฐมพยาบาล ดามด้วยเฝือก 2 อันยาวตั้งแต่ส้นเท้าถึงเหนือเข่าใช้ผ้าผูกติดกันเป็นเปราะๆ จัดปลายเท้าตั้งฉากเสมอ อย่าให้ผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป
กระดูกต้นขาหัก
การปฐมพยาบาล ดามด้วยเฝือก 2 อัน อันแรกยาวตั้งแต่ส้นเท้าถึงใต้รักแร้ อีกอันยาวตั้งแต่ส้นเท้าถึงโคนขา ใช้ผ้าผูกติดกัน หากมีบาดแผลให้ปิดแผลห้ามเลือดก่อนเข้าเฝือก
กระดูกเชิงกรานหัก
การปฐมพยาบาล อย่าให้บริเวณกระดูกเชิงกรานเคลื่อนไหว ผูกขา 2 ข้างติดกัน โดยสอดผ้าไว้ใต้สะโพก และเชิงกราน และผูกปมตรงกลาง วางผ้าระหว่าง ขา 2 ข้าง ผูกติดกันด้วยผ้าสามเหลี่ยม และผูกผ้ารอบเข่า 2 ข้าง
กระดูกสันหลังหัก
การปฐมพยาบาล การเคลื่อนย้ายต้องทำด้วยความระมัดระวัง ไม่เคลื่อนย้ายผู้ป่วยเอง แจ้งขอความช่วยเหลือจากหน่วยแพทย์ หรือผู้ที่มีความรู้ หากจำเป็นต้องเคลื่อนย้าย ให้ดามคอและหลังก่อน
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างถูกวิธี
- ดูว่าสถานการณ์รอบข้างปลอดภัยหรือไม่
- ตรวจสอบจำนวนผู้บาดเจ็บที่ต้องการให้การช่วยเหลือ และกำลังของผู้ช่วยเหลือ
- ขอความช่วยเหลือ หากผู้ช้วยเหลือไม่เพียงพอ
- ถ้ามีบาดแผล ต้องห้ามเลือดก่อน
- ขณะเคลื่อนย้าย ต้องตรึงผู้ป่วยให้แน่น
- ต้องรู้จุดหมายปลายทางที่จะยกผู้ป่วยไป
หลักการเมื่อเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
- อย่าเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยไม่จำเป็น
- ห้ามเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง
- ห้ามเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยยังไม่ได้แก้ไขส่วนที่บาดเจ็บ
- ห้ามทิ้งผู้ป่วยที่หมดสติอยู่ตามลำพัง
- ห้ามทำให้ผู้ป่วยบาดเจ็บมากขึ้น
- ห้ามทำในสิ่งที่ไม่รู้ หรือไม่แน่ใจ
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเล็กน้อย และ/หรือ ไม่รู้สึกตัว
ผู้ช่วยเหลือมี 1 คน ให้ใช้ในท่าประคองเดินใช้สำหรับผู้ป่วยที่รู้สึกตัวดี และช่วยเหลือตนเองได้ ไม่มีกระดูกหัก และผู้ป่วยตัวพอๆ กับผู้ช่วยเหลือ
ส่วนการอุ้ม ใช้สำหรับผู้ป่วยตัวเล็กกว่าผู้ช่วยเหลือมากๆ และไม่มีกระดูกหัก แต่ถ้าผู้ป่วยตัวใหญ่และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อาจใช้วิธียกโดยคนหลายๆ คน
ผู้ช่วยเหลือมี 2 คน การประคองเดิน ใช้สำหรับผู้ป่วยที่พอช่วยเหลือตนเองได้ ไม่มีกระดูกหัก กรณีที่ผู้ป่วยตัวใหญ่มาก อุ้มคนเดียวไม่ไหวและไม่มีกระดูกหัก
การอุ้มคนละข้างของผู้ป่วย สำหรับผู้ป่วยที่รู้สึกตัวดีให้ผู้ป่วยโอบบ่าของผู้ช่วยเหลือทั้งสอง การอุ้มคนหนึ่งอยู่ด้านหน้า อีกคนอยู่ด้านหลัง โดยต้องพยุงผู้ป่วยขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง
ผู้ช่วยคนที่ 1 ประคองด้านหลังของผู้ป่วย ด้านหน้า ผู้ช่วยอีกคนสอดแขนข้างใต้ข้อพับเข่าและลุกขึ้นพร้อมกัน
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังหัก
- จัดผู้ป่วยนอนราบบนไม้กระดานแผ่นเดียว
- ขณะยกผู้ป่วยต้องยกให้ตัวตรงเป็นท่อนไม้
- มัดตัวผู้ป่วยติดกับกระดานไม่ให้แน่น
- ยึดศรีษะไม่ให้เคลื่อนไหว โดยนำวัสดุที่แข็ง 2 ชิ้นมาประกอบที่ศรีษะทั้ง 2 ข้าง
การช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยอันตรายช่วยออกมานั้นหมดสติไม่รู้สึกตัว
การปฐมพยาบาล ทำการช่วยเหลือผู้ประสบอันตรายมาได้แล้ว หากปรากฏว่าผู้เคราะห์ร้ายที่ช่วยออกมาหมดสติไม่รู้สึกตัว หัวใจหยุดเต้นและไม่หายใจโดยสังเกตได้จากอาการที่เกิดขึ้น
ริมฝีปากเขียว สีหน้าซีดและเขียวคล้ำ ทรวงอกเคลื่อนไหวน้อยมาก หรือไม่เคลื่อนไหว ชีพจรบริเวณคอเต้นช้าและเบามาก ถ้าหัวใจหยุดเต้นและคำชีพจรไม่พบ
ม่านตาขยายค้างไม่หดเล็กลง หมดสติไม่รู้สึกตัว ต้องรีบทำการปฐมพยาบาลทันที เพื่อให้ปอดและหัวใจทำงาน
การปฏิบัติการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน การช่วยเหลืออย่างรีบด่วนในภาวะฉุกเฉินทั้งระบบหายใจ ระบบไหลเวียนโลหิตโดยไม่อาศัยเครื่องมือใดๆ
การปฏิบัติการช่วยชีวิต มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือ และสามารถลดอัตราการตายของผู้บาดเจ็บได้ ถ้าทำอย่างถูกต้องและทันท่วงที
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
อาการของผู้บาดเจ็บที่ต้องช่วยโดยการทำ CPR อาการที่ผู้บาดเจ็บไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ หรือหัวใจหยุดเต้น
หลักการปฏิบัติการช่วยชีวิต
- เปิดทางเดินหายใจ
- ช่วยการหายใจ
- ช่วยการไหลเวียนโลหิต
ขั้นตอนการปฏิบัติการช่วยชีวิต
- ประเมินความรู้สึกตัว โดยการเรียก ปลุก และเขย่าตัว
- ขอความช่วยเหลือ ถ้าไม่มีการตอบสนอง ถ้าในผู้ใหญ่ ควรโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือก่อนเพราะสิ่งที่ต้องการเพื่อช่วยชีวิตคือ เครื่องกระตุ้นหัวใจ
- เปิดทางเดินหายใจ โดยใช้สันมือกดหน้าผาก และ 2 นิ้วเชยขากรรไกรขึ้นให้หน้าแหงน วิธีการนี้ใช้ได้กับผู้ได้รับบาดเจ็บทุกกรณี
- ตรวจการหายใจ เพื่อดูว่ามีการหายใจปกติหรือไม่ โดยใช้ ตาดู หูฟัง แก้มสัมผัส
- ช่วยหายใจ ถ้าไม่หายใจ ให้การช่วยหายใจโดยการเป่าปาก 2 ครั้ง การเป่าปากต้องเห็นทรวงอกกระเพื่อมขึ้นทุกครั้ง ถ้าไม่กระเพื่อมขึ้นในการเป่าปากครั้งที่ 1 ให้แก้ไขโดยการเปิดทางเดินหายใจใหม่แล้วจึงเป่าปากครั้งที่ 2
- ช่วยการไหลเวียนโลหิต กดหน้าอก ตำแหน่งวางมือ เหนือกระดูกลิ้นปี่ 2 นิ้วมือ ส่งที่ใช้กด สันทือ 2 ข้างซ้อนกัน จำนวนครั้งที่ใช้กด 30 ครั้ง ความลึกของแรงกด 1.5 – 2 นิ้วฟุต ความเร็วในการกด 100 ครั้ง/นาที
สิ่งที่แสดงว่าการช่วยชีวิตได้ผล
- เริ่มรู้สึกตัว ส่ายหน้า ขยับแขน ขา
- มีการหายใจ
- เริ่มมีการกลืน การไอ
- สีผิวหนังเปลี่ยนแปลงดีขึ้น
ผู้ช่วยเหลือจะหยุดทำการช่วยชีวิต เมื่อ
- เมื่อผู้บาดเจ็บมีการหายใจและมีชีพจร
- เมื่อมีบุคลากรทางการแพทย์มารับช่วงต่อ
Related link : สัญญาณกันขโมย รั้วไฟฟ้ากันขโมยราคาถูก
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา