มาตรฐาน (Standard) เกณฑ์ของการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทำให้สิ่งนั้นเป็นที่เชื่อถือของคนโดยทั่วไป การนำมาตรฐานมาใช้ในระบบเครือข่ายก็เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์เครือข่ายที่เราเลือกใช้ในนั้นสามารถใช้งานได้
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
งานติดตั้งกล้องวงจรปิด
สารบัญ
1. องค์กรที่ทำหน้าที่กำหนดมาตรฐาน ISO
2. องค์กรที่กำหนดมาตรฐานระดับประเทศ
3. มาตรฐาน OSI
4. รายละเอียดของแต่ละลำดับชั้น LAYER
ตรวจเช็คจำนวนสินค้า | ข้อมูลสินค้า | ขอใบเสนอราคา
องค์กรที่ทำหน้าที่กำหนดมาตรฐาน ISO (The International Standards Organization)
องค์กรที่พัฒนามาตรฐานสากลในเรื่องของการสื่อสารข้อมูล และเป็นสถาบันที่พัฒนารูปแบบ OSI ซึ่งเป็นรูปแบบของสถาปัตยกรรมเครือข่าย โดยมีการแบ่งโครงสร้างการติดต่อสื่อสารออกเป็น 7 ระดับชั้น หรือ 7 เลเยอร์ สำหรับการเชื่อมโยงการสื่อสารในเครือข่ายระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีความแตกต่างกัน สถาบัน ISO ประกอบด้วยคณะกรรมาธิการจาก 89 ประเทศสมาชิก มาตรฐานที่ ISO ได้ประกาศใช้มีมากกว่า 5,000 มาตรฐาน
องค์กรที่กำหนดมาตรฐานระดับภูมิภาค
องค์กรที่กำหนดมาตรฐานระดับโลกนั้นมีผู้ร่วมงานจำนวนมาก มีความน่าเชื่อถือสูง การที่จะประกาศมาตรฐานใดออกมาจะต้องใช้เวลาในการพิจารณานาน
ทำให้มีกลุ่มบางกลุ่มในบางส่วนของโลกที่มีความต้องการการออกมาตรฐานที่รวดเร็ว และแสดงความเป็นผู้นำทางด้านนี้ ทำให้มีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาใหม่
เพื่อกำหนดมาตรฐานใช้งานในระดับภูมิภาคนั้น ๆ ได้แก่ ประเทศในแถบยุโรป, อเมริกา, ญี่ปุ่น เป็นต้น
องค์กรที่กำหนดมาตรฐานระดับประเทศ
โดยจะอ้างอิงมาจากมาตรฐานภูมิภาค หรือนำมาใช้โดยตรงมีการนำมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับการใช้งานในประเทศนั้น ๆ โดยมากมักจะกำหนด
โดยหน่วยงานของรัฐ เช่น ในประเทศไทยจะกำหนดโดย คณะกรรมการสื่อสารแห่งชาติ เป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ แทน เพราะหน่วยงานทั้งสองจะมีการแปรรูปเป็นเอกชน จึงควรมีสิทธิเท่า ๆ กับเอกชนรายอื่น ๆ
แนวโน้มของการกำหนดมาตรฐาน
การพัฒนาทางด้านโทรคมนาคม และเทคโนโลยีมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะมีความต้องการใช้งานจำนวนมาก แต่กลับต้องใช้เวลาในการกำหนดมาตรฐานที่สั้น
ผู้ผลิตต่างเริ่มเข้ามามีบทบาทในการกำหนดมาตรฐานให้เป็นไปตามความต้องการของตัวเอง จึงมีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาเพื่อกำหนดมาตรฐานมากขึ้น
เพื่อรองรับความต้องการของทุกฝ่าย แต่ทั้งนี้การใช้มาตรฐานก็ควรจะต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎทางด้านการตลาด
ผู้ใช้งานมาตรฐานทั้งหลายควรพิจารณาเลือกมาตรฐานที่เหมาะสม เพื่อการใช้ประโยชน์ในระยะยาวด้วยอย่างเช่นกล้องวงจรปิด sony
ก็จะมีมาตรฐานของเขาเอง เช่นการใช้เทคโนโลยีของการบันทึกภาพจาก กล้องวงจรปิดH264 เป็น กล้องวงจรปิดH265 ในไม่ช้านี้
ตรวจเช็คจำนวนสินค้า | ข้อมูลสินค้า | ขอใบเสนอราคา
มาตรฐาน OSI
โดยมาตรฐาน OSI ได้ถูกพัฒนาโดย ISO ถูกนำมาใช้เพื่อเป็นต้นแบบสำหรับบริษัทผู้ผลิตที่จะใช้ในการผลิตอุปกรณ์สื่อสาร อะไหล่กล้องวงจรปิด
โดยมีการแบ่งโพรโตคอลสำหรับการสื่อสารเป็น 7 ระดับชั้น ในแต่ละชั้นจะมีการกำหนดโดยเฉพาะก่อนที่จะส่งต่อไปให้กับระดับชั้นถัดไปด้วย เพื่อที่ผู้ผลิตที่ต้องการผลิตสินค้าให้สามารถทำงานในแต่ละระดับชั้นได้อย่างถูกต้อง
การกำหนดมาตรฐานรูปแบบ OSI ขึ้นมานั้นก็เพื่อเป็นการกำหนดการแบ่งโครงสร้างของ ถาปัตยกรรมเครือข่ายออกเป็นระดับชั้นด้วย โดยมีหลักเกณฑ์ในการกำหนดดังต่อไปนี้
-
ไม่แบ่งโครงสร้างออกเป็นหลายระดับชั้นมากจนเกินไป
-
แต่ละระดับชั้นจะต้องมีหน้าที่การทำงานแตกต่างกัน ทั้งขบวนการและเทคโนโลยี
-
จัดกลุ่มหน้าที่การทำงานที่คล้ายกันให้อยู่ในระดับชั้นเดียวกัน
-
แต่ละชั้นสื่อสารจะต้องทำหน้าที่ตามที่ดุ้รับมอบหมาย
-
เลือกเฉพาะการทำงานที่เคยใช้ได้ผลประสบความสำเร็จมาแล้ว
-
กำหนดหน้าที่การทำงานเฉพาะง่าย ๆ แก่แต่ละระดับชั้น ถ้ามีการออกแบบระดับชั้นใหม่ หรือ มีการเปลี่ยนแปลงโพรโตคอลใหม่
เพื่อที่จะทำให้สถาปัตยกรรมมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น จะไม่มีผลทำให้อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เคยใช้ได้ผลอยู่เดิมจะต้องเปลี่ยนแปลงตาม -
กำหนดอินเตอร์เฟชมาตรฐาน
-
ให้มีความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนแปลงโพรโตคอลในแต่ละระดับชั้น
ชั้นของ ISO โมเดล จะมีการสื่อสารติดต่อกันเป็นชั้น ๆ ตามลำดับลงมา ถ้าจะจัดแบ่งชั้นต่าง ๆ ของโมเดลออกเป็นกลุ่มจะได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
-
กลุ่มแรก ประกอบด้วย Application, Presentation Session Layer ทำหน้าที่หลักในการจัดการเรื่องราวของแอพพลิเคชั่น
-
กลุ่มที่สอง Transport, Network, Data Link และ Physical Layer ทำหน้าที่จัดการเรื่องราวของการส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายและในเครือข่ายเดียวกัน
หน้าที่การทำงานของแต่ละลำดับชั้นกำหนดไว้เป็นกฎเกณฑ์ เพื่อที่แต่ละชั้นจะได้ใช้กฎเกณฑ์เหล่านั้นในการสื่อสารระหว่างลำดับชั้นเดียวกัน
แต่ละลำดับชั้นจะถูกกำหนดว่า ต้องการบริการใดบ้างจะเสริมการทำงานของลำดับชั้นที่สูงขึ้นไป ในขณะเดียวกันก็จะถูกกำหนดว่า ต้องการบริการใดบ้างจากลำดับชั้นที่อยู่ต่ำกว่า
เพื่อให้การสื่อสารข้อมูลบรรลุตามวัตถุประสงค์ได้ โดยหลักการแล้ว ในแต่ละ Layer จะมีการสื่อสารไปยัง Layer ที่อยู่ในระดับเดียวกันที่อยู่ในคอมพิวเตอร์อีกระบบหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติกระบวนการในการส่งข้อความสื่อสารนั้น จะถูกกระทำโดยวิธีการให้บริการของ Layer ที่อยู่ต่ำกว่า
ตรวจเช็คจำนวนสินค้า | ข้อมูลสินค้า | ขอใบเสนอราคา
รายละเอียดของแต่ละลำดับชั้น LAYER
1. Physical Layer
เป็นระดับชั้นล่างสุดของมาตรฐานและเป็นระดับชั้นเดียวที่มีการเชื่อมต่อทางกายภาพระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันในระบบเครือข่าย
จะกำหนดคุณสมบัติทางกายภาพของฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ การส่งสัญญาณผ่านสายสัญญาณแบบต่าง ๆ ลักษณะของหัวเชื่อมต่อสายสัญญาณ การเชื่อมต่อลักษณะต่าง ๆ รวมทั้งประเภทของการเชื่อมต่อด้วย
โดยจะจัดแปลงข้อมูลเป็นสัญญาณทางไฟฟ้าเพื่อส่งไปบนสายสัญญาณ โดยจะดูว่าต้องใช้ไฟขนาดกี่โวลต์มีความเร็วในการรับส่งเท่าไร สัญญาณที่รับส่งกันนั้นเป็นแบบใด
โดยระดับชั้นนี้เป็นขั้นตอนหรือกลไกที่จำเป็นในการส่งสัญญาณข้อมูลไปบนสายสัญญาณและการรับสัญญาณข้อมูลจากสายสัญญาณ
สรุปหน้าที่และบริการของระดับชั้น Physical Layer
-
เป็นตัวกำหนดคุณสมบัติพื้นฐานของการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ
-
ทำหน้าที่แปลงสัญญาณ เช่น (001 1001 110)
-
การวิ่งของสัญญาณกล้องวงจรปิด 3 ล้าน ต่างจากกล้องวงจรปิด 2 ล้าน อย่างไร
-
ตรวจสอบลักษณะการเดินสายสัญญาณ เพื่อให้กล้องวงจรปิด smart view ที่ดีมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งาน กล้องวงจรปิดหาดใหญ่ ที่เป็นเมืองใหญ ๆ และต้องการกล้องวงจรปิดกันน้ำที่ดี
2. Data Link Layer
ระดับชั้นที่สองของมาตรฐานและในระดับชั้นนี้มีหน้าที่ในการรับส่งข้อมูล และจะรับผิดชอบในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลด้วย
จะทำหน้าที่เรียกใช้หรือกำหนดช่องทางในการส่งข้อมูลที่ถูกต้อง รวมถึงการควบคุมลำดับ และ อัตราการรับส่งข้อมูล และสถานที่ที่จะส่งข้อมูลไป เป็นชั้นแรกที่จัดการแปลงข้อมูลจากบิตให้อยู่ในรูปของเฟรม
เพื่อตรวจสอบความถูกต้องในกรณีส่งข้อมูลออกไปหรือในกรณีอ่านข้อมูลเข้ามาก็จะตรวจสอบเพื่อดูว่าข้อมูลที่ได้รับมาถูกต้องครบถ้วนและถ้าได้รับเฟรมที่ไม่ถูกต้องก็จะไม่เอาข้อมูลนั้นไปใช้งานต่อและบอกไปยังต้นทางให้ส่งมาให้ใหม่
โดยปกติแล้วจะมีการให้บริการใน 2 รูปแบบ ได้แก่
-
ถ้าหากมีการตรวจสอบและพบข้อมูลผิดพลาดก็จะแจ้งให้ผู้ส่งทราบ เพื่อทำการส่งใหม่ต่อไป
-
ถ้าหากมีการตรวจสอบและพบว่าข้อมูลถูกต้องก็จะแจ้งให้ผู้ส่งทราบว่าได้รับข้อมูลถูกต้องแล้
สรุปหน้าที่และบริการของระดับชั้น Data Link Layer
-
ตรวจสอบที่อยู่ของเครื่องต่าง ๆ ตามหลักกายภาพ
-
ควบคุมการเข้าถึงสื่อกลาง
-
ควบคุมข้อผิดพลาดของ Frame ข้อมูล
3. Network Layer
เป็นระดับชั้นที่สามของมาตรฐาน และในระดับชั้นนี้มีหน้าที่ในการควบคุมวิธีการส่งผ่านข้อมูลระหว่างเครือข่ายให้ถูกต้อง และเป็นไปตามเส้นทางที่กำหนด
โดยจะจัดเตรียมคำสั่งการทำงานเกี่ยวกับการหาที่หมายปลายทางและควบคุมการไหลของข้อมูลในการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับเครือข่าย
ในปัจจุบันเมื่อมีการใช้เครือข่ายมากขึ้น ขนาดใหญ่ขึ้น ซับซ้อนมากขึ้น และแน่นอนว่าในการสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่ายการสื่อสารจะต้องการเส้นทางการรับส่งข้อมูลมากกว่า 1 เส้นทาง
จึงมีหน้าที่เลือกเส้นทางที่ใช้เวลาในการสื่อสารน้อยที่สุด ระยะทางสั้นที่สุดด้วย และกั้นหรือกรองข้อมูลที่ส่งไปยังที่หมายภายในเครือข่ายย่อยเดียวกันไม่ให้ข้ามไปยังเครือข่ายย่อยอื่น ซึ่งจะช่วยลดปริมาณข้อมูลที่จะวิ่งบนเครือข่ายได้ส่วนหนึ่ง
ข้อมูลที่รับมาจากระดับชั้นที่ 4 จะถูกแบ่งออกเป็นแพ็กเก็ต ๆ ในระดับชั้นที่ 3 นี้ การให้บริการในระดับชั้นนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
-
Connectionless Network Service การส่งข้อมูลแบบไม่มีการสร้างการเชื่อมต่อกัน โดยหวังว่า Packet จะส่งไปถึงเครื่องผุ้รับ
จึงไม่สามารถรับรองได้ว่าข้อมูลจะถึงผู้รับได้สำเร็จ โพรโตคอลที่อยู่ในชั้นที่สูงกว่าจะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นเอง -
Connection – Oriented Network Service การส่งข้อมูลแบบมีการสร้างการเชื่อมต่อก่อนทุกครั้ง และเมื่อรับหรือส่งข้อมูลสำเร็จแล้วจึงจะค่อยยกเลิกการเชื่อมต่อ
การรับส่งข้อมูลแบบนี้จึงสามารถรับรองได้ว่าการส่งข้อมูลถึงผู้รับอย่างแน่นอนเพียงแต่จะเปลืองช่องสัญญาณมากกว่าแบบแรก
สรุปหน้าที่และบริการของระดับชั้น Network Layer
-
ค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุด
-
ตรวจสอบที่อยู่ของเครื่องต่าง ๆ ตามหลักตรรกะ
4. Transport Layer
เป็นระดับชั้นที่สี่ของมาตรฐาน และในระดับชั้นนี้มีหน้าที่ในการควบคุมปริมาณและรายละเอียดวิธีการรับส่งข้อมูลให้เป็นไปตามกำหนดที่ได้ตั้งไว้
และจัดการให้การเชื่อมโยงเครือข่ายเป็นไปอย่างราบรื่น เป็นชั้นสุดท้ายที่จัดการเรื่องของการเคลื่อนย้ายข้อมูล โดยระดับชั้นนี้จะจัดการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างโพรเซสของผู้รับและผู้ส่ง
โพรเซสที่กำลังรันอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์อาจจะมีหลายโพรเซส ระดับชั้นนี้จึงทำหน้าที่รับส่งข้อมูลให้ถึงโพรเซสที่ต้องการ และจัดการตรวจสอบความผิดพลาดของข้อมูล
หน้าที่ที่สำคัญของ Transport Layer อีกอย่างหนึ่งก็คือจัดเรียงข้อมูลท่าไม่เป็นลำดับให้รวมตัวและลำดับถูกต้อง
สรุปหน้าที่และบริการของระดับชั้น Transport Layer
-
ควบคุมการติดต่อกับปลายทาง
-
ทำการแตกข้อมูลและรวมข้อมูล
-
ควบคุมการไหลและข้อผิดพลาดของข้อมูล
5. Session Layer
เป็นระดับชั้นที่ห้าของมาตรฐาน และในระดับชั้นนี้มีหน้าที่ในการสร้าง “การติดต่อแต่ละครั้ง” ให้ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งสองฝั่ง กล่าวง่าย ๆ คือ จะให้บริการแก่โปรแกรมสื่อสารได้จัดการรวบรวมข้อมูลต่างๆ
ที่จะใช้ในการติดต่อสื่อสารภายในเวลาที่กำหนด โดยทำหน้าที่ตั้งแต่เริ่มการติดต่อ ดูแลให้การส่งผ่านข้อมูลในการติดต่อครั้งนั้น ๆ เป็นไปได้โดยไม่มีปัญหา
จนถึงการเลิกการติดต่อเมื่อเสร็จงาน ซึ่งจะรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดสรรช่องทางการสื่อสารทั้งสองฝ่ายให้สามารถสื่อสารกันได้จนเสร็จสมบูรณ์ นอกจากนั้นยังให้บริการด้านต่าง ๆ ดังนี้ คือ
-
ให้บริการจัดการเรื่องการโต้ตอบข้อมูล ซึ่งจะให้บริการทั้งในแบบส่งข้อมูลไม่พร้อมกันและแบบพร้อมกัน
-
การสื่อสารในทิศทางเดียวกัน ในการสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายระยะไกล ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ระหว่างการสื่อสารในจุดใดจุดหนึ่งจะอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกที่จะทำการรับ – ส่ง ข้อมูลใหม่อีกครั้งในเวลาใดก็ได้
สรุปหน้าที่และบริการของระดับชั้น Session Layer
-
ควบคุมการเริ่มต้นการติดต่อและการสิ้นสุดการติดต่อ
-
ทำให้ความสัมพันธ์เข้าจังหวะและไมเหลื่อมล้ำกัน
สินค้าแนะนำ: รั้วไฟฟ้า
6. Presentation Layer
เป็นระดับชั้นที่หกของมาตรฐาน และในระดับชั้นนี้มีหน้าที่ในการจัดรูปแบบและนำเสนอข้อมูลระหว่างการสื่อสารให้เป็นไปตามที่ต้องการ
โดยได้มีการกำหนดรูปแบบการส่งข้อมูลสำหรับใช้ในการแลกเปลี่ยน รูปแบบที่จะมีการกำหนดไว้ใน 2 ลักษณะ คือ
-
Abstract Data Syntax เป็นรูปแบบที่ใช้ในการเก็บข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์
-
Transfer (or Concrete) Syntax เป็นรูปแบบที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลระหว่างกัน
รูปแบบทั้งสองมีความแตกต่างกัน ก็เป็นหน้าที่ของ Presentation Layer ที่จะทำการแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่ผู้ใช้มีความเข้าใจได้เวลานำเสนอทั้งนี้ยังรวมไปถึงการจัดแปลงข้อมูลในรูปมาตรฐาน
การลดขนาดข้อมูล และการเข้ารหัสหรือถอดรหัสของข้อมูลเพื่อความปลอดภัยในการสื่อสาร
สรุปหน้าที่และบริการของระดับชั้น Presentation Layer
-
การแปลงรูปแบบข้อมูล
-
การเข้ารหัส
-
การบีบอัดข้อมูล
7. Application Layer
เป็นระดับชั้นบนสุดของมาตรฐาน และในระดับชั้นนี้มีหน้าที่ติดต่อระหว่างแอพพลิเคชั่นของเครือข่ายกับผู้ใช้เป็นไปได้ตามที่ต้องการ เช่น ระบบ E-mail การโอนถ่ายแฟ้มข้อมูล
การขอเข้าใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย การจัดแฟ้มข้อมูลในลักษณะต่าง ๆ เป็นต้น ยังรวมถึงการบริการทางด้านการแลกเปลี่ยนเอกสารและข้อความต่าง ๆ ทำหน้าที่จัดการเรื่องต่าง ๆ ของเครือข่ายตามที่ผู้ใช้ต้องการนั่นเอง
โดยจะอยู่ระดับบนที่ใกล้ชิดกับผู้ใช้ที่สุด การเข้าไปใช้บริการโดยปกติจะใช้โดยการพิมพ์คำสั่งต่าง ๆ ผ่านทางระบบโปรแกรมควบคุมเครื่อง
โดยจะถือว่าอุปกรณ์ในการสื่อสารนั้นเป็นอุปกรณ์ย่อยของระบบคอมพิวเตอร์นั่นเอง การบริการลำดับชั้นนี้จะแสดงให้ผุ้ใช้เข้าใจได้ในทันที
ไม่ว่าการสื่อสารจะประสบความสำเร็จหรือไม่ และหากมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้ใช้ก็จะทราบได้จากข้อความที่แสดงออกมา
สรุปหน้าที่และบริการของระดับชั้น Application Layer
-
ติดต่อกับผู้ใช้หรือผู้ขายกล้องวงจรปิด
-
บริการแลกเปลี่ยนข้อมูล เช่น Mail, FTP, Telnet เป็นต้น
ตรวจเช็คจำนวนสินค้า | ข้อมูลสินค้า | ขอใบเสนอราคา
แนะนำอ่านเพิ่มเติม : เครือข่ายคอมพิวเตอร์
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542