การเลือกใช้จอสำหรับกล้องวงจรปิด

การเลือกใช้จอสำหรับกล้องวงจรปิด

 

ปัจจุบัน การเลือกใช้จอสำหรับกล้องวงจรปิด จอมีอยุ่ด้วกัน 2 แบบ คือจอทีวี กับจอคอม สมัยก่อนจอทีวีจะใช้หัว RCA เป็นตัวเขื่อมสัญญาณ  ส่วนจอคอมพิวเตอร์ก็จะใช้หัว VGA เป็นการเชื่อมต่อ

แต่ปัจจุบันทั้งจอคอมและจอทีวีให้หัวแบบ HDMI เหมือนกันหาดแล้ว แต่ราคาของจอคอมจะสูงกว่าจอทีวีหากเทียบกันในขนาดที่เท่ากัน

การเลือกใช้จอสำหรับกล้องวงจรปิด

คงแทบไม่สามารถหาซื้อจอภาพแบบ CRT ได้แล้ว ถ้าจะเห็นก็คงเป็นร้านขายของมือสอง และส่วนจอภาพ LCD กับ LED นั่น เนื่องจาก LED คือเทคโนโลยีใหม่ที่ให้ทั้งภาพ สีสรรสดใสกว่า ดังนั้น ในตลาดปัจุจบันส่วนใหญ่จึงเป็นจอภาพ LED แทบทั้งสิ้นเช่นเดียวกัน

 

ประเภทของจอ Monitor

  1. CRT เป็นจอที่ใช้การมานานแล้ว โดยปัจจุบันน่าจะไม่มีเห็นสำหรับการใช้งานกับกล้องวงจรปิด

 

 

 

  1. LCD (Liquid Crystal Display)

 

เป็นจอที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาจากจอ CRT  ข้อดีของการเลือกใช้จอ LCD คือ ประหยัดพลังงานมากว่าหน้าจอแบบเดิม แต่มีข้อเสียตรงที่ไม่สามารถมองจอได้จากทุกทิศทาง มุมมองการมองเห็นภาพนั้นจะค่อนข้างแคบ

 

  1. LED (Light Emitting diode)

 

เรียกอีกชื่อว่า OLED (Organic Light Emitting Devices) คือการนำหลอด LED มาเรียงต่อกันเป็นแถว ช่วยให้สามารถแสดงสี และภาพได้คมชัดมาก มีอัตราการตอบสนองของภาพเร็วกว่าแบบอื่นๆ ช่วยประหยัดพลังงาน มีมุมมองกว้าง ไม่มีข้อจำกัด  ปัจจุบันนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น

 

สิ่งที่ควรคำนึงถึงเวลาเลือกซื้อจอมอนิเตอร์กล้องวงจรปิด

 

  1. ขนาดหน้าจอ และความละเอียดของภาพ คนส่วนใหญ่มักจะมองเรื่องของขนาดใหญ่ไว้ก่อน บางครั้งลืมคิดไปว่าพื้นที่ในการติดตั้ง มันสะดวกหรือป่าว จริงอยู่ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งดี มองภาพได้ชัดและใหญ่ดีกว่า แต่ต้องดูวิธีการติดตั้งจะเอาแบบตั้งโต๊ะ หรือยึดผนัง

การเลือกขนาดจอทีวีนั้น นอกจากขนาดพื้นที่ในห้องแล้ว ก็ให้พิจารณาจากระยะห่างระหว่างจอทีวีกับที่นั่งชม โดยขนาดทีวีที่เหมาะสมกับระยะห่างที่นั่งชมในระยะต่าง ๆ มีดังนี้

          – ทีวี 26-32 นิ้ว – ประมาณ 1 เมตร
          – ทีวี 40-43 นิ้ว – ประมาณ 1.5 เมตร
          – ทีวี 50-60 นิ้ว – ประมาณ 2 เมตร
          – ทีวี 65-75 นิ้ว – ประมาณ 2.5 เมตร
           – ทีวี 80 นิ้วขึ้นไป – ประมาณ 3 เมตรขึ้นไป

 

ส่วนเรื่องของความละเอียดของภาพสมัยนี้ก็ต้องเลือกแบบ 4K หรือแบบ FULl HD เป็นอย่างน้อย เพื่อการชมภาพที่คมชัด และสวยงามมองได้เต็มตา  อย่างเรื่องของจอคอม 

สีที่ได้จะมีความเทียงตรง เป็นภาพปรกติทีสุด  แต่หากเป็นจอทีวี สีจะออกสดกว่า ให้ภาพที่เกินจริง ในความเป็นจริงไม่ได้คมขนาดนั้น

 

  1. ค่า Response Time และ Refresh Rate

Response Time  คือ ค่าความเร็วในการเปลี่ยนเม็ดพิกเชล  ดังนั้นค่าความเร็วตรงนี้จะส่งผลไปยังการเคลื่อนไหว หากค่า Response Time ต่ำๆ

ก็จะยิ่งทำให้เห็นภาพเคลื่อนไหวของวัตถุที่มีการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว  ปัจจุบันค่า Response Time ของ TV รุ่นใหม่ๆ นั้นมีการปรับปรุงให้ไวมากยิ่งขึ้น อย่างจอมคอม เมื่อก่อน 16 – 12 ms ปัจจุบันประมาณ 5 – 2 ms   จอทีวี ประมาณ 40ms

Refresh Rate  หรือเรียกกันว่า อัตราการกะพริบของหน้าจอ ถ้าค่านี้ยิ่งสูงก็ถือว่ายิ่งดี ช่วยทำให้เราเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ภาพจะนิ่ง โดยทั่วไปก็จะอยู่ที่ 60 Hz คือเรทปรกติ  อย่าง  จอทีวี จะเป็นหลักร้อยขึ้น  แต่สำหรับจอคอม  อยู่ที่ 60Hz, 120Hz, 144Hz ประมาณนี้

 

  1. VGA ย่อมาจาก Video Graphics Array ซึ่งเราอาจเรียกได้อีกชื่อว่า RGB Connection หรือ D-sub สายประเภทนี้ได้ถูกใช้มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่จอแบบ CRT

 

ในทางเทคนิคระบบ VGA สามารถส่งสัญญาณที่ความละเอียดสูงสุดถึง 1920 X 1080  แต่ด้วยความที่มันเป็นสายแบบ อนาล็อก  มันจึงมีสัญญาณรบกวนในช่วงระหว่างส่งข้อมูลจากเครื่องบันทึก ไปยังจอมอนิเตอร์

ส่งผลให้ภาพออกมาแบบไม่คมชัด มีรอยขีด หรือภาพอาจขาดๆ หายๆ เกิดขึ้นได้  ปัจจุบันความคมชัดของจอเพิ่มมากขึ้น ความนิยมในการใช้ VGA ก็ลดน้อยลงไป

 

  1. DVI ย่อมาจาก Digital Visual Interface เป็นการพัฒนาให้การส่งสัญญาณกลายเป็นดิจิตอล แต่สายเป็นการต่อแบบ DVI ซึ่งสายก็จะมีหลายแบบ ต้องดูดีๆ หาซื้อให้ถูก ซื้อมาผิดก็ใช้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นแบบ DVI-A (อะนาล็อก),

    DVI-D (ดิจิตอล) หรือ DVI-I (อะนาล็อก + ดิจิตอล) แล้วยังมีแยกย่อยเป็นแบบ Single-link และ Dual-link อีก เริ่มงงและหาซื้อไม่ถูก  ปัจจุบันหัวต่อแบบ DVI ก็เริ่มไม่มีให้ใช้แล้วเพราะคุณภาพไม่ต่างจากสายแบบ VGA

 

 

DVI Single link

1920 X 1200  at 60Hz

DVI Dual link

2560 X 1600  at 60Hz

 

  1. HDMI ย่อมาจาก High-Definition Multimedia Interface เป็นพอร์ตที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานในด้านมัตติมีเดีย เพราะว่าหัวต่อแบบ VGA และ DVI ที่ไม่สามารถส่งสัญญาณเสียงได้ เพราะจอมอนิเตอร์รุ่นใหม่ๆ

    จะมีลำโพงในตัว ทำให้สาย HDMI เข้ามาแก้ปัญหาในส่วนนี้   พอร์ต HDMI เริ่มเข้ามามีบทบาทกับจอมอนิเตอร์มากขึ้น เพราะว่าแบนด์วิดธ์ที่ได้มากกว่า โดยในรุ่น HDMI 1.4

    ส่งสัญญาณได้บนแบนด์วิดธ์ 10.2 Gbps/s  เฟรมเรตที่ 24 fps แสดงสีได้ที่ขนาด 8 บิต  และรุ่น HDMI 2.0 ที่รองรับความละเอียดระดับ 4K ได้ที่ 60 fps และแสดงสีได้ที่ขนาด 10-12 บิต

Audio

Ethernet data

Superior color depth

4K at 30Hz

No 21 : 9 Ratio

 

  1. DISPLAY PORT เป็นพอร์ตเชื่อมต่อใหม่ล่าสุดในขณะนี้ รุ่นใหม่ๆ รองรับการแสดงผลในอัตร 144 Hz บนความละเอียดระดับ 1440p และความสามารถแสดงผลในอัตรา 60 Hz

    บนความละเอียดระดับ 4K จนถึง 8K เลยทีเดียว  จุดเด่นของช่อง DisplayPort เมื่อเทียบกับ HDMI นอกจากจะรองรับการแสดงผลที่มีความละเอียดมากกว่าแล้วยังรองรับการต่อจอหลายๆ จอได้ เพื่อทำ Multple Streaming ผ่าน Multi-Stream Transport

Multiple Video Streams

Audio

Network

21 : 9 Ratio

3D

สนใจติดตั้ง ระบบสัญญาณกันขโมย  หรือระบบรั้วไฟฟ้า สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่

บริษัท มีเดียร์ เสิร์ซ จำกัด โทร. 02-8883507-8, 081-700-4715 หรือ ID Line: @cctvbangkok.com

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *