การใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยถือเป็นมาตรการที่จำเป็น
เมื่อต้องทำงานในที่อับอากาศ อาจเป็นบรรยากาศการทำงานที่ออกซิเจน หรือมีการฟุ้งกระจายของสารเคมีอันตราย สารไวไฟ ตลอดจนสภาพอันตรายทางกายภาพอื่นๆ
เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ปฏิบัติงานได้รับการป้องกันจากอันตราย ได้มีข้อกำหนดโดยทั่วไปในการใช้อุปกรณ์ในที่อับอากาศจะต้องครอบคลุมดังนี้
- ผู้ที่ทำงานในที่อับอากาศ ต้องมีการใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยที่เหมาะสมครบถ้วน
- อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยที่ใช้ จะต้องมีคุณภาพตามมาตรฐาน
- นายจ้างหรือเจ้าของสถานที่ประกอบกิจการ มีหน้าที่ในการจัดหาและบำรุงรักษาอุปกรณ์ รวมทั้งมีการกำหนดระเบียบในการใช้อุปกรณ์และฝึกอบรมการใช้รวมถึงการบำรุงรักษาอย่างถูกต้องให้กับผู้ที่ทำงานด้วย
- ผู้ที่ทำงานต้องใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยที่นายจ้างจัดหาให้ตามที่ได้รับการสอนและอบรม เมื่อต้องทำงานในที่อับอากาศ
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
ติดกล้องวงจรปิด
อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ตามรูปแบบการได้รับอากาศสำหรับหายใจเข้าไปในหน้ากาก คือ ประเภทกรองอากาศ และประเภทส่งอากาศ
- อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจประเภทกรองอากาศ อุปกรณ์ที่ใช้กรองหรือกำจัดสารปนเปื้อนออกจากที่ผู้สวมสูดหายใจเข้าไปก่อนที่อากาศนั้นจะเข้าสู่ระบบหายใจ
ซึ่งนอกจากนี้อาจมีอุปกรณ์ชนิดพิเศษสำหรับใช้ในช่วงระยะเวลาที่จำกัด ระหว่างการหนีออกจากบริเวณที่มีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจในระดับความเข้มข้นสูง
หรือดูดซับก๊าซและไอระเหยเฉพาะอย่างออกจากอากาศที่สูดหายใจเข้าไปโดยผู้สวมใส่ อุปกรณ์ประเภทกรองอากาศนี้มีข้อจำกัด
ไม่สามารถใช้ได้ในภาวะขาดออกซิเจน หรือในบริเวณที่มีสารปนเปื้นในระดับที่เป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพอย่างเฉียบพลัน - อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจประเภทส่งอากาศ อุปกรณ์ที่มีแหล่งอากาศสำหรับหายใจแยกออกจากบริเวณที่ทำงาน อากาศอาจถูกส่งไปยัง
ผู้สวมใส่ผ่านสายส่งอากาศ หรือ ท่อส่งอากาศ โดยผู้สวมใส่พาถังบรรจุแหล่งอากาศไปด้วย
แบ่งออกเป็นดังนี้
- ชนิดใช้สายส่งอากาศ อากาศสำหรับหายใจอาจถูกส่งไปยังผู้สวมใส่ผ่านสายอัดอากาศ
- ชนิดถังบรรจุอากาศ อุปกรณ์ชนิดนี้ติดอยู่กับตัวผู้สวมใส่ ทั่วไปใช้กับครอบหน้าแบบเต็มใบหน้า สามารถเคลื่อนที่ได้โดยไม่ถูกจำกัดด้วยความยาวของสายอากาศ
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
เครื่องช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศติดตัวเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในระยะแรก เช่น
- ใช้สวมใส่ทำงานในพื้นที่ที่มีออกซิเจนไม่เพียงพอหรือที่อับอากาศ
- ใช้สวมใส่ทำงานในสถานที่มีแก๊ส ไอระเหย อนุภาคที่มีความเข้มข้นสูงหรือไม่ทราบปริมาณ
- ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ผู้ใช้งานไม่ควรคาดว่าใช้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดทั้งนี้ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- ระดับกิจกรรมของผู้ใช้งาน
- สภาพทางกายภาพของผู้ใช้งาน
- ระดับการหายใจของผู้ใช้งานที่เพิ่มมากชึ้น
- ระดับการฝึกอบรมหรือประสบการณ์ที่ผู้ใช้งานคุ้นเคยกับอุปกรณ์ชนิดนั้น
- มีการอัดอากาศเต็มถังตั้งแต่เริ่มต้นการใช้งาน
- ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซภายในถึงอากาศที่อาจมากกว่า 0.04 %
- สภาพ SCBA
ตรวจสอบถังอากาศติดตัว (SCBA) ก่อนการสวมใส่
- การตรวจสอบก่อนสวมใส่ SCBA
- นำเครื่องช่วยหายใจออกจากกล่องบรรจุ แล้วตรวจสอบข้อต่อที่ต่อเข้ากับตัวควบคุม
- อุปกรณ์ปรับความดันและข้อต่อที่เข้าถังอากาศ ควรต่อให้แน่นอยู่ในสภาพพร้อม
- ใช้งานตรวจระบบบล็อกแผ่นหลังให้ติดแน่นกับตัวถังอากาศ
- ตรวจสอบสายสะพานและสายรัดเอว ให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ และปรับให้กว้างที่สุด
- ตรวจสอบสภาพตัวหน้ากาก และท่ออากาศให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
วิธีสวมใส่ถังอากาศ SCBA
วิธีที่ 1 แบบ Coat or Vest Style
- ยกถังอากาศโดยให้ถังอากาศอยู่ด้านในและใช้มือจับสายสะพานทั้ง 2 ข้าง
- พาดสายสะพานบนไหล่ขวาหลังจากนั้นพาดสายสะพายด้านซ้ายที่ไหล่ซ้าย
- ก้มตัวเล็กน้อยดึงปลายสายรัดของสายสะพายทั้งสองข้างพร้อมๆ กันจนกระชับพอดีกับลำตัว
- เกี่ยวสายรัดเอวทั้งสองข้างเข้าหากันโดยให้ Pressure Gauge ที่อยู่บน Regulator ในตำแหน่งที่ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นได้
- ปรับสายรัดเอวให้กระชับพอดี
- เปิดวาล์วที่ถังอากาศ เพื่อให้อากาศไหลเข้าสู่ตัว Regulator จะทำให้สัญญาณเตือนดังขึ้นในระยะแรก
วิธีที่ 2 สวมใส่ถังอากาศ SCBA แบบ Over Head Style
- ดึงสายสะพายให้แยกออกจากกัน
- ก้มตัวลงหรือย่อตัวลงจับถังอากาศโดยให้ข้อศอกทั้งสองอยู่ในสายสะพาย
- ยกถังอากาศข้ามศรีษะแล้วปล่อยให้ถังไปอยู่ด้านหลัง
- ก้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วดึงปลายสายรัดของสายสะพายทั้งสองข้างพร้อม ๆ กันจนกระชับพอดีกับลำตัว
- เกี่ยวสายรัดเอวทั้งสองข้างเข้าหากันโดยให้ Pressure Gauge ที่อยู่บน Regulator อยู่ในตำแหน่งที่ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นได้
- ปรับสายรัดเอวให้กระชับพอดี
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
วิธีสวมหน้ากากและการประกอบเข้ากับตัวควบคุมความดัน
- คลายสายรัดศรีษะทุกเส้นให้กว้างที่สุดพลิกสายรัดศรีษะไปด้านหน้าของตัวหน้ากาก
- ครอบหน้ากากเข้ากับใบหน้า พรากสายรัดศรีษะ แล้วดึงปลายรัดศรีษะให้กระชับกับใบหน้าโดยเริ่มดึงจากสายรัดด้านล่างก่อนแล้งจึงดึงสายรัดด้านบนให้กระชับพอดีกับใบหน้า
- ทดสอลการรั่วของหน้ากาก และท่ออากาศโดยอุดท่อหายใจด้วยฝ่ามือแล้วหายใจเข้าช้าๆ
- ทดสอบลิ้นหายใจออกโดยอุดท่ออากาศและหายใจออกช้า อากาศจะไหลออกทางลิ้นหายใจออก
- cต่อท่ออากาศเข้ากับตัวควบคุมความดันให้แน่นพร้อมกับหมุน Main Valve ที่ Regulator เพื่อเริ่มใช้งาน
การสวมชุด SCBA พร้อมปฏิบัติการ
- ต้องกำหนดผู้รับผิดชอบ
- ผู้ที่จะใช้ SCBA ได้นั้นจะต้องผ่านการอบรมวิธีการใช้มาแล้ว
- ให้ออกแบบใบตรวจสอบสภาพ และให้ตรวจสอบตรวจสภาพทุกระยะ 2 เดือนจากนั้นให้เก็บไว้เพื่อสอบกลับได้
- ออกซิเจนในถัง หากไม่ได้ใช้งานให้ปล่อยทิ้งและเติมใหม่ทุก 6 เดือน
- หลังใช้งานทุกครั้งและทุก 2 เดือนต้องทำความสะอาด Face piece เช็คด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อห้ามใช้แอลกอฮอล์ เนื่องจากทำให้ยางส่วนขอบเสื่อมสภาพเร็ว
- ทุกรอบปีปฏิทินให้ส่งถังไปทดสอบความแข็งแรงโดยวิธี Hydro – Static Test
ภายในประเทศไทยได้มีกฎหมายกำหนดไว้ว่า หน้ากากแบบสวมเต็มหน้า ซึ่งอยู่ในชุดเครื่องช่วยหายใจถือเป็นยุทธภัณฑ์ทางทหาร การนำมาใช้ในราชอาณาจักรเหรือการถือครอง
จะต้องขออนุญาตและเห็นชอบโดยกระทรวงกลาโหมเท่านั้น ส่วนการสูญหายหรือทำลายหลังหมดสภาพใช้ต้องจัดทำรายงานแจ้งให้กระทรวงกลาโหมทราบด้วย
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
การใช้งาน SCBA Operation
- เกจหัวถังต้องพร้อมใช้งานที่สเกลเขียว
- ตรวจสอบลักษณะทั่วไปของอุปกรณ์เกี่ยวกับการชำรุดและความเสียหาย
- สวมสะพายเครื่อง SCBA และดึงปรับสายรัดให้ดึงพอดี
- เปิดวาล์วหัวถังทดสอบกด By Pass Button และทดสอบเปิดปิด By Pass Valve ที่หน้ากากเพื่อทดสอบการไหลของอากาศ
- สวม Second Stage Regulator เข้ากับหน้ากาก
- ทดลองเปิด By Pass valve และปิดคืนหรือ กด/ปล่อย By pass button เพื่อให้มั่นใจได้ว่าระบบทำงานได้สมบูรณ์
- หายใจตามปกติด้วยอากาศภายในถัง
- หลังใช้งานให้ปิดวาล์วหัวถังและเปิดวาล์ว Bypass ที่ Second Stage Regulator เพื่อปล่อยออกซิเจนจนค้างสาย
หมายเหตุ ความดันที่เหมาะสมกับการหายใจของคนเราประมาณหนึ่งบาร์
การตรวจสอบสภาพถังอากาศ ควรตรวจสอบสภาพถังอากาศโดยวิธี Hydrostatic Test ดังนี้
- ถังประเภท Composite ควรทำการทดสอบเมื่อใช้งานครบกำหนด 3 ปี
- ถังประเภท Steel และ Alumium ควรทำการทดสอบเมื่อใช้งานครบกำหนด 5 ปี
คุณภาพอากาศที่บรรจุภายในถังอากาศอากาศที่ใช้บรรจุในถังอากาศต้องบริสุทธิ์เพียงพอสำหรับการหายใจ โดยต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- มีออกซิเจน 19.5 – 23.5% โดยปริมาตร
- ไฮโดรคาร์บอนไม่เกิน 5 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตรของอากาศ
- คาร์บอนมอนอกไซด์ไม่เกิน 10 ส่วนต่อล้านส่วน
- คาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 1,000 ส่วนต่อล้านส่วน
- ไม่มีกลิ่นผิดปรกติ
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
ข้อควรระวังด้านความปลอดภัยของถังอากาศ
- ควรอัดอากาศให้เต็มถังทันทีหลังจากการใช้งานแต่ละครั้ง
- ไม่ควรเก็บถังอากาศที่มีอากาศภายในถังเพียงบางส่วน เพราะระยะเวลาการใช้งานลดลง
- ก่อนการอัดอากาศ ควรตรวจสอบสภาพภายนอกถังอากาศโดยสังเกตร่องรอยการสัมผัสกับความร้อนสูงหรือเปลวไฟ เช่นเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือดำ
รูปลอกไหม้เกรียมหรือหลุดหาย ความเสียหายทางกายภาพของถังอากาศควรหยุดใช้งาน และส่งไปทำการทดสอบสภาพถังก่อนการทำการอัดอากาศ - ถ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับความเหมาะสมของถังอากาศควรส่งทำ Hydrostatic Test
การตรวจสอบและบำรุงรักษา SCBA
- ควรมีการตรวจสอบตามข้อกำหนดทุกเดือน ถังอากาศควรมีการบรรจุให้เต็ม
- ควรจัดเตรียม SCBA ให้พร้อมสำหรับใช้งานได้ทันทีทันใดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ควรมีการตรวจสอบเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และตรวจสอบประจำเดือนและตรวจสอบหลังการใช้งาน
- การตรวจสอบ SCBA ควรบันทึกข้อมูลการตรวจสอบ วันที่และลายเซ็นต์ผู้ตรวจสอบเพื่อทำให้ทราบประวัติการใช้งานของ SCBA เพื่อให้มีสภาพความพร้อมใช้งาน
- การเปลี่ยนหรือซ่อม SCBA ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค ความชื้นจากลมหายใจ น้ำลาย ฝุ่นที่สะสมภายในหน้ากากและเหงื่อที่ติดกับลิ้นหายใจภายในหน้ากาก คือแหล่งสะสมความสกปรก
ควรทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคหลีงการใช้งานโดยล้างหน้ากากและท่อหายใจด้วยสบู่อ่อนในน้ำอุ่นไม่ควรใช้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรค เพราะอาจทำให้แผ่นยางเสื่อมสภาพ
การจัดเก็บ SCBA
- สถานที่จัดเก็บควรปราศจากฝุ่น แสงแดด ความร้อน ความเย็น ความชื้น และสารเคมีที่ทำอันตราย
- ควรจัดเก็บ SCBA ไว้ในกล่องซึ่งอยู่ภายในสถานที่มีอุณหภูมิที่เย็นและแห้ง
- เก็บหน้ากากใส่ถุงพลาสติก
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
คำเตือนทั่วไป
- ผู้ใช้งานที่มีเคราด้านข้างหนาทึบ ไม่ควรใช้ SCBA เพราะอาจเกิดการรั่วระหว่างรอยต่อกับใบหน้า อาจส่งผลให้ผู้ใช้งานเสี่ยงต่อการเสียชีวิตหรือบาดเจ็บอย่างรุนแรง
- ถ้าท่านมีอาการดังนี้ ให้รีบออกมายังบริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ทันที คลื่นเหียนเวียนศรีษะ ระคายเคืองตา ได้รับกลิ่นหรือรสที่ผิดปกติ รู้สึกเมื่อยล้าเกินไป หายใจลำบาก
- ห้ามใช้ SCBA ทำงานใต้น้ำอย่างเด็ดขาด
- ควรใส่และถอดหน้ากากในบริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ปราศจากสารพิษในบรรยากาศเท่านั้น
อุปกรณ์ปกป้องระบบทางเดินหายใจชนิดท่ออากาศ หน้ากากปิดจมูกหรือปิดครึ่งใบหน้าหรือปิดเต็มใบหน้าอากาศที่ใช้ช่วยหายใจ จะถูกส่งมาตามท่อขนาดเล็กที่อัดมาด้วยเครื่องอัดอากาศ
การปรับปริมาณความต้องการอากาศทำโดยการปรับที่ลิ้นปิดเปิดจะเป็นตัวควบคุมการไหลของอากาศลิ้นนี้อาจจะติดที่บริเวณลำตัวหรือเข็มขัดชนิดนี้จะเหมาะ
กับการใช้ในบรรยากาศทั่วที่มีสารเคมีเป็นพิษสูง อากาศที่ออกต้องผ่านการกรองน้ำมันและความชื้นโดยเครื่องที่มีคุณภาพถูกต้องตรงตามมาตรฐาน
วิธีการใช้ที่ปลอดภัย
- ต้องมีการตรวจสอบก่อนจะใช้เสมอ เช่น ตรวจหน้ากาก ท่อส่งอากาศ ลิ้นควบคุม
- ต้องปรับขนาดของหน้ากากใหพอดีกับใบหน้าผู้สวมใส่
- การปรับอัตราการไหลของอากาศ
- ต้องมีการตรวจสอบสายส่งอากาศหาจุดที่อาจจะมีการรั่วซึม
- ต้องมีการอบรมเทคนิควิธีการใช้การบำรุงรักษาให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องและใช้เป็นอย่างดี
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
การบำรุงรักษา
- ควรทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคที่หน้ากากทุกครั้งหลังการใช้งาน
- ควรมีการตรวจสอบคุณภาพแหล่งจ่ายอากาศอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
สุขภาพสำหรับการใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจผู้ที่ทำงานกล้องวงจรปิดในที่อับอากาศ จะต้องมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์แข็งแรงไม่มีโรคประจำตัว การใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ จะต้องมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญดังนี้
- สุขภาพร่างกาย การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจที่หนัก อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบหัวใจและปอดได้ คนที่มีโรคเกี่ยวกับปอดอย่างรุนแรงอาจหายใจลำบากมากขึ้นเมื่อสวมใส่
- สุขภาพจิต สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันในระบบหายใจแบบครอบเต็มหน้า เมื่อใช้ร่วมกับชุดปกป้องทั้งร่างกาย บางรายอาจรู้สึกหวั่นวิตกและโดดเดี่ยว ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ดีเท่าที่ควร
- การตรวจร่างกาย ควรจัดทำประวัติด้านสุขภาพและตรวจร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจระบบหายใจและปอด ปัญหาส่วนใหญ่ที่ต้องมีการตรวจเพิ่มเติม
และควรตรวจสอบประวัติการใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจในอดีตด้วยทั้งนี้ ผู้ทำงานที่มีสถานะสุขภาพ ควรพิจารณาเป็นพิเศษ
โรคปอดที่รุนแรงหรือปานกลาง เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ กล้ามเนื้อหัวใจตายเนื่องจากหลอดเลือดอุดตัน ความดันโลหิตสูง การกลัวที่คับแคบ มีประวัติถุงลมรั่วได้เอง
ผู้ที่ทำงานในที่อับอากาศ นอกจากอุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจแล้ว ควรมีการสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลอื่นๆ ตามประเภทของงานและสภาพอันตราย ดังนี้
- อุปกรณ์ป้องกันศรีษะ
- อุปกรณ์ป้องกันหู
- อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าและดวงตา
- อุปกรณ์ป้องกันมือ
- อุปกรณ์ป้องกันเท้า
- อุปกรณ์ป้องกันลำตัว
- อุปกรณ์ป้องกันการตก
- อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยอื่นๆ
Related link : รับติดตั้งรั้วไฟฟ้ากันขโมย งานติดตั้งระบบสัญญาณกันขโมยไร้สาย
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา