ออกแบบระบบกล้องวงจรปิด (CCTV System Design) ให้ราคาถูก

การออกแบบงานติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อใช้งานหากเป็นระบบเล็กๆ ก็จะไม่ค่อยมีอะไรที่ซับซ่อนมากนัก เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดชุด 4 ตัว กล้องวงจรปิดชุด 8 ตัว หรือจะเป็นชุด 16 ตัว

สำหรับ สำนักงานออฟฟิส ซึ่งช่างติดตั้งกล้องวงจรปิดก็จะสามารถแนะนำผู้ใช้งานได้อยู่แล้ว ส่วนจะราคาของใครถูกกว่ากัน ใครจะได้งาน ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของช่างติดตั้ง

เริ่มจากการเลือกวัสดุมาใช้งาน การเลือกกล้องมานำเสนอ หรือการลดสายสัญญาณที่นำมาเดินแต่สำหรับการติดตั้งกล้องวงจรปิดในหมู่บ้าน การติดตั้งกล้องวงจรปิดในโรงงานขนาดใหญ่

หรือการติดตั้งกล้องวงจรปิดในโครงการบริหารส่วนตำบล ส่วนจังหวัด อันนี้ก็ต้องมาดูกันครับว่าผู้ออกแบบส่วนใหญ่จะนำเสนองานติดตั้งกล้องวงจรปิดด้วยแบบใด แต่ที่แน่ๆ คือการเดินสายสัญญาณหากเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่

ก็จะหนีไม่พ้นที่จะต้องเลือกใช้งานสัญญาณที่เป็นชนิดใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) เพราะราสามารถที่จะเดินสายสัญญาณได้ในระยะไกลๆ เป็นหลายๆ กิโลเมตร

 

 

สารบัญ

• โครงข่าย  Passive Optical Network (PON) หรือ  FTTx  คือ
• เหมาะสำหรับ  หมู่บ้านจัดจรร,  โรงงานขนาดใหญ่, และโครงการขนาดใหญ่ ที่มีจำนวนกล้องเยอะๆ
• เป็นไปตามมาตฐาน Open Cabling   การเดินสายจำนวนน้อย
• รองรับการให้บริการเพิ่มเติมในอนาคต
• ระหว่างการนำส่งสัญญาณจะไม่มีการใช้ไฟฟ้าใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้โครงข่ายมีความปลอดภัยสูงสุด
• ไม่มีการใช้การแปลงสัญญาณด้วย Media Converter
• ทั้งโครงข่ายเป็นใยแก้วนำแสง 100% มีความแข็งแรงของ Connecter สูงสุด 

 

 

สายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) จึงเป็นตัวเลือกที่นิยมนำมาใช้งานกันเป็นส่วนมาก เพราะความเสถียรของสัญญาณที่จะได้ หากเปรียบเทียบกับการใช้ระบบสัญญาณแบบไร้สาย

การออกแบบงานกล้องวงจรปิดในพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ส่วนใหญ่แล้วก็จะเลือกใช้สาย Fiber Optic + Media Converter ซึ่ง 2 อย่างนี้จะใช้งานควบคู่กันไป

และนิยมใช้งานกันมานานแล้วกว่า 20-30 ปีเลยก็ว่าได้ เนื่องด้วยเรายังไม่มีตัวเลือกมากนักในการออกแบบระบบงานกล้องวงจรปิด

แต่ปัจจุบันการออกแบบงานกล้องวงจรปิดในระบบใหญ่ๆ ก็ยังเลือกใช้งานระบบสายสัญญาณที่เป็น Fiber Optic กันอยู่เหมือนเดิม แต่ต่างกันตรงที่ตัว Media Converter

จะไม่ค่อยนิยมเลือกใช้งานกันมากนัก เนื่องด้วยราคาที่สูง เพราะหากเป็นพื้นที่ภายนอก ตากแดด ตากฝน ทนร้อน ทนหนาว Midia Converter ต้องเป็นชนิด Industial grade

ถึงจะมีความเหมาะสมลดปัญหากวนใจในการใช้งาน ซึ่งแน่นอนราคาก็จะสูงตามไปด้วย แต่บริษัทส่วนใหญ่จะนิยมใช้ Media Converter ชนิดธรรมดา เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการนำเสนองาน

Media Converter จึงเป็นอีกปัญหาหนึ่งสำหรับช่างกล้องวงจรปิดที่เลือกใช้งานอุปกรณ์นอกจากตัวกล้องวงจรปิดที่เราเลือกแล้ว เอาจริงๆ

ก็มีการเข้าเซอร์วิสหลักๆ อยู่ 2 เลือกครับ คือเข้าไปดูเรื่องกล้องดับ กล้องสีเพี้ยน และเรื่องของตัวมีเดียคอนเวอร์เตอร์นี้เหละครับ ส่วนเรืองของสายสัญญาณ

หากมีการติดตั้งดีๆ ก็แทบจะไม่ค่อยมีปัญหามากนัก ส่วนใหญ่ที่เจอก็จะเป็นเรื่องของสายขาดเนื่องจาก กระรอกกัด หรือมีรถขนาดใหญ่ไปเกียวสายสัญญาณทำให้เกิดการเสียหายขึ้น

วันนี้เลยของแนะนำการออกแบบงานติดตั้งกล้องวงจรปิดในรูปแบบที่เราเรียกว่า PON CCTV เป็นการออกแบบที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ใช้งานได้เป็นอย่างมาก

และสามารถเพิ่มบริการอื่นๆ ตามมาได้อีกมากมาย แล้วแต่ว่าผู้ใช้งานจะต้องทำอะไร การออกแบบด้วยระบบ Pon cctv ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนือง

ด้วยราคาของ Fiber Optic ที่มีราคาค่อนข้างถูก และความนิยมในการใช้งานระบบ FTTx ที่นิยมมากขึ้น ทำให้การออกแบบงานกล้องวงจรปิด ทำราคาเสนอได้ถูกลง คุณภาพดีกว่าเดิม

เรามาดูกันครับ ว่าหากท่านที่กำลังมองหาการออกแบบงานกล้องวงจรปิดอยู่ในหน่วยงานของท่าน กับการเลือกใช้งานการออกแบบด้วยระบบ Passive Optical Network

จะช่วยให้ท่านสะดวกสะบายขึ้นได้อย่างไร ต่อการใช้งาน และช่วยลดงบประมาณของท่านได้จริงไหม เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้งานการออกแบบด้วยการใช้ Media Converter แบบเก่าๆ ที่เราเลือกใช้มานานมากแล้ว มาดูกันครับ

 

 

1. โครงข่าย Passive Optical Network (PON) หรือ FTTx คือ

เครือข่ายเชิงแสงแบบพาสซีฟ เป็นการรับส่งข้อมูลปลายทางด้วยความเร็วสูงผ่านใยแก้วนำแสงแบบ Passive  เพียงแค่ใช้สาย Fiber Optic แค่ 1 Core เท่านั้น

การออกแบบการใช้งานแบบนี้ก็เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และใช้ประโยชน์ทีมีอยู่ให้ได้มากที่สุด ทำให้การจ่ายค่าอุปกรณ์และสายสัญญาณ

เพื่อบริการให้ลูกค้าถูกลงเป็นอย่างมาก จากเดิมที่เราต้องทำการลากสายสัญญาณหลายๆ Core กลายเป็นว่าเราใช้แค่ 1 Core ตลอดทั้งโครงการ

การทำงานของระบบ Pon เป็นการส่งข้อมูลจากต้นทาง ไปยังปลายทางผ่านตัวสาย Fiber Optic โดยการใช้ความยาวคลื่นที่ 1490 นาโนเมตร

โดยจะใช้อุปกรณ์แยกแสง หรือที่เราเรียกกันว่า Splitter เป็นอุปกรณ์ Passive มีหน้าที่ในการแยกแสงออกเป็ฯ 8,16,32 หรือ 64 แล้วแต่ผู้ใช้งานจะทำการออกแบบ

เพื่อที่จะเดินสายสัญญาณใยแก้วนำแสงออกไปอีกกี่เส้น ซึ่งช่วงที่ใช้ตัว Splitter เราไม่ต้องใช้พลักงานไฟฟ้า หรือใช้ไฟในการแยกแสงอะไรเลย

การรับส่งข้อมูลของระบบนี้จะประกอบไปด้วย OLT (Optical Line Terminal) ถือว่าเป็นตัวควบคุมหลักของอุปกรณ์ทั้งหมดเลยกว่าว่าได้

ซึ่งในท้องตลาดก็มีให้เลือกซื้อมาใช้งานหลายยี่ห้อ หลายขนาด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสภาพหน้างานแต่ละที่ ต่อมาก็จะเป็นตัว Splitter

อย่างที่เคยกล่าวมาแล้ว และตัว ONU (Optical Network Unit) เป็นอุปกรณ์ปลายทาง เพื่อการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่ต้องการใช้งาน อย่างเช่น Switch ลำโพง หรือโทรทัพท์

 

 

ออกแบบระบบกล้องวงจรปิด

 

2. เหมาะสำหรับ หมู่บ้านจัดจรร, โรงงานขนาดใหญ่, และโครงการขนาดใหญ่ ที่มีจำนวนกล้องเยอะๆ

การออกแบบงานกล้องวงจรปิด ด้วยระบบ Pon นี้ส่วนใหญ่แล้วเหมาะสำหรับโครงการที่เป็นระบบใหญ่ๆ อย่างที่กล่าวมาแล้วครับ หากเป็นงานบ้าน งานออฟฟิส

อันนี้ไม่ค่อยจะคุ้มค่าต่อการลงทุนมากนักเพราะไม่จำเป็นต้องเลือกใช้งานการเดินสายด้วยสายใยแก้วนำแสง แต่สามารถที่จะเดินแค่สาย Lan ก็ได้

ตัวอุปกรณ์การออกแบบด้วย Pon จึงไม่เหมาะสม แต่หากสภาพหน้างานเป็นโครงการขนาดใหญ่ ต้องขอบอกเลยว่าคุ้มค่าแน่นอนครับ ช่วยลดต้นทุน และงบประมาณได้เป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะงานโครงการหมู่บ้าน เมื่อเปรียบเทียบระหว่างการใช้งานสาย Lan กับสาย Fiber Optic ราคาของสาย Fiber Optic ก็ถือว่ายังมีราคาที่ค่อนข้างถูกอยู่

หากเลือกชนิดที่เป็น 1,2,4 Core ครับ ทำสำคัญการเดินทางของข้อมูลผ่านสายใยแก้วนำแสง ก็ถือว่าเดินทางได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามจำนวนข้อมูล

ที่ทำการส่งไปมาได้ 100% เลยก็ว่าได้ เป็นการรองรับการรับส่งข้อมูลจำนวนมากๆ ได้อย่างสะบายเลยไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิดที่มีความคมชัดระดับไหน

PON CCTV ช่วยให้ผู้ติดตั้ง และผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบ และลดปัญหาการเลือกใช้อุปกรณ์ได้ง่ายย่ิงขึ้น หากเราต้องออกแบบงานกล้องวงจรปิดแบบเดิมๆ

ด้วยการใช้ตัว Media Converter ปัญหาก็อยู่ที่การเลือกใช้ตัว Media ราคาถูกๆ เช่นมาตรฐาน 10/100 การส่งข้อมูลต่างๆ ในเครือข่ายใยแก้วนำแสง

ก็ไม่สามารถส่งข้อมูลได้จำนวนมากๆ เกิน 100 ซึ่งสวนทางกับระบบอินเตอร์เน็ตปัจจุบันที่ความเร็วเดียวนี้ก็จะอยู่ที่ 10/100/1000 กันเกือบหมดแล้ว

 

 

3. เป็นไปตามมาตฐาน Open Cabling การเดินสายจำนวนน้อย

อย่างที่ทราบกันว่าในปัจจุบัน การเดินสายสัญญาณด้วยจำนวนมากๆ พาดไปตามเสาไฟฟ้าเป็นอะไรที่ไมน่ามองมากนัก ลองคิดดูว่าหากหมู่บ้านของเราในเวลานี้

มีสัญญาณพาดอยู่เป็นจำนวนพอประมาณแล้ว หากเวลาผ่านไปอีกสัก 10-15 ปี สายสัญญาณที่จะพาดตามเสาไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นมากขนาดไหน

หากเราไม่จัดระเบียบการเดินสายสัญญาณในเวลานี้ ซึ่งผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตต่างๆ จะทำการเดินเข้าหมู่บ้านพาดสายเป็นจำนวนมากขึ้นตามจำนวนผู้อยู่อาศัย ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

การเดินสายของงานกล้องวงจรปิดด้วยระบบ PoN ถือเป็นอีกมาตรฐานหนึ่งที่ต่างประเทศให้การยอมรับ เพราะมีการใช้สายสัญญาณที่น้อยมากแค่ Core เดืยว

ก็สามารถที่จะใช้งานได้แล้ว ส่วนผู้ใช้งานจะเพิ่มจำนวน Core มากขึ้น เพื่อให้ขนาดของสายสัญญาณมีเส้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น อันนั้นก็แล้วแต่เหตุผลแต่ละคน

อาจเพื่อนำไปใช้งานบริการอื่นๆ ต่อ หรือต้องการให้สายสัญญาณของเรามีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพื่อความแข็งแรงในการใช้งาน ไม่เกิดการขาด หรือเสียหายได้ง่ายๆ

มาตรฐานการใช้งานสาย Fiber Optic ก็จะเป็นไปตามมาตรฐานสากล ที่หลายๆ ประเทศนิยมเลือกใช้งาน ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับการเชื่อมต่อระบบ

ก็มีจำหน่ายให้เราได้ซื้อขายกันทั่วๆ ไปตามท้องตลาดอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นของ Interlink ที่เรารู้จักมักคุ้นกันอยู่ดี ก็มีจำหน่ายให้เราเลือกซื้อมาใช้งาน

ประกอบการออกแบบได้เป็นจำนวนมาก ไม่ต้องกังวลว่าระบบนี้ไม่มีอุปกรณ์ เพราะอย่างกลุ่ม AIS TRUE 3BB เองทุกวันนี้ก็ใช้ระบบนี้ในการให้บริการอินเตอร์เน็ตตามบ้านอยู่แล้วครับ

 

 

4. รองรับการให้บริการเพิ่มเติมในอนาคต

สามารถจัดการแบบรวมศูนย์และ ให้บริการ Voice/ Data/ Video/WiFi ได้ เพียงแค่สร้างบริการเพิ่มบน Network ก็ทำงานบนโครงข่ายเดิมได้เลย

ถือว่าเป็นจุดเด่นของระบบ PoN ที่ผู้ใช้งานสามารถจะเพิ่มบริการอื่นๆ ไปได้ในอนาคต ซึ่งบริการต่างๆ ไม่ควรจะเกิดขึ้น หรือเฉพาะบริการใดบริการหนึ่งเท่านั้น

กล้องวงจรปิดถือว่าเป็นการลงทุนที่สูงอยู่แล้วในการลงทุนใช้งานในหมู่บ้าน ในโรงงาน และสายสัญญาณใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลยนอกจากกล้องวงจรปิด

การออกแบบงานระบบสมัยใหม่ จึงเป็นอะไรที่ได้มากกว่ากล้องวงจรปิดธรรมดาทั่วๆ ไป ผู้บริหารชุมชน หรือบริหารโครงการหมู่บ้าน ต้องได้ประโยชน์จากระบบเน็ตเวิร์คมากว่านี้

ซึ่งวันนี้ระบบการเดินสายสัญญาณด้วย PON FTTx ได้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างเหล่านี้ ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ เลยเป็นที่นิยมในการใช้งานสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่

เพราะในวันนี้เราอาจจะมีงบประมาณแค่การติดตั้งกล้องวงจรปิด แต่ต่อไปปีหน้าเราอาจของบเพิ่ม เพราะติดตั้งระบบเสียงตามสาย โดยใช้สายสัญญาณของกล้องวงจรปิดได้เลย

การบริหารระบบ PON FTTx มีความคุ้มค่าในการลงทน ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มบริการเสริมต่างๆ ได้เป็นอย่างด้วยผ่านระบบ Network ต่างๆ ที่ผู้ใช้งานจะนำไปปรับเพื่อใช้งาน

อย่างที่เห็นกันเป็นจำนวนมากก็คือระบบเสียงตามสาย ที่เมื่อก่อนก็จะต้องเดินด้วยสายสัญญาณทองแดง ซึ่งมีต้นทุนสูง แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป ระบบต่างๆ

จึงเป็นการทำงานด้วยระบบเน็ตเวิร์คกันหมดแล้ว ระบบเสียงตามสายในหมู่บ้าน ก็เลยต้องทำการปรับตัวใช้งานเป็นแบบ Fiber Optic ด้วยเหมือนกัน

 

 

5. ระหว่างการนำส่งสัญญาณจะไม่มีการใช้ไฟฟ้าใดๆ ทั้งสิ้น

ทำให้โครงข่ายมีความปลอดภัยสูงสุด การออกแบบระบบเก่าๆ หากต้องทำการแยกสัญญาณเรา ก็จะต้องตั้งอุปกรณ์ Media Converter

และทำการต่อพ่วงอุปกรณ์ Fiber Optic ออกไปตามแต่ละขา ที่จะแยก ซึ่งช่วงที่เราจะทำการแยกสัญญาณ ด้วยอุปกรณ์ Media Converter

ก็จะต้องมีไฟฟ้าให้อุปกรณ์พวกนี้ด้วย ซึ่งหากเป็นพื้นที่ทั่วๆ ไปก็จะต้องทำการขอหม้อไฟ เพื่อใช้งานเชื่อมต่อในบริเวณนั้นๆหากเป็นพื้นที่ของทางราชการ

หรือมีจะต่อไฟฟ้าให้ก็โชคดีไป แต่ส่วนใหญ่แล้วการเชื่อมต่อมันจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสียทีเดียวครับ เป็นปัญหาของช่างกล้องวงจรปิด และเป็นคำถามที่เราจะต้องหาคำตอบให้ได้

ว่าแล้วเราจะเอาไฟฟ้าที่ไหนมาใช้งานกับระบบของเรา เพราะต้นทนการลากสายไฟเพื่อไปเลี้ยงกล้องวงจรปิดคงไม่ไหวแน่ๆ หากเป็นระยะไกลๆ หลายกิโลเมตร

หากมีการขอติดตั้งหม้อไฟก็จะคุ้มกว่า และใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้เป็นจำนวนมากว่า เช่นเชื่อมต่อไฟถนน เชื่อต่อลำโพงขยายสัญญาณเสียงตามสาย

แต่สำหรับการออกแบบงานกล้องวงจรปิดด้วยระบบ PoN FTTx นี้ ชุดแยกสัญญาณเราไม่จำเป็นต้องมีไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวของเลยครับ ตัว Splitter

สามารถแยกแสงช่องสัญญาณได้เลย ไม่ต้องมีไฟฟ้า ทำให้ผู้ออกแบบ และผู้ใช้งานเองสะดวกในการออกแบบ ประหยัดการที่จะต้องขอติดตั้งหม้อไฟฟ้า

กับทางการไฟฟ้าในพื้นที่ ช่วยให้อุปกรณ์โครงข่ายของเรามีความปลอดภัยเป็นอย่างสูง ลดปัญหาความยุ่งยากในการทำงาน ทำให้ระบบนี้มีความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน

 

 

6. ไม่มีการใช้การแปลงสัญญาณด้วย Media Converter

แบบ 10/100, 100/1000 ทำให้ Data ทั้งหมดส่งผ่านได้แบบ Unlimited ทั้งโครงข่าย อย่างที่กล่าวเอาไว้แล้วครับว่าเลือกเลือกใช้งานด้วย Media Converter

หากเป็นการใช้งานภายนอกอาคาร ในโรงงาน หรือสภาพพื้นที่ที่ร้อน ตากแดด ตากฝนมากๆ เราต้องเลือกใช้งานตัว Media Converter ที่เป็นเกรดชนิด Industial

ไม่งั้นเอาไม่อยู่แน่นอนครับ ใช้ได้ไม่เกินปีครึ่ง ก็น่าจะเริ่มมีอาการให้เราเริ่มแก้ไขกัน การเลือกใช้อุปกรณ์ Media Converter ที่เป็นรุ่น Industial

จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงเป็นอย่างมาก แต่ก็คุ้มค่ากับการเลือกใช้งาน เพราะเราเองผู้ติดตั้งก็ไม่ต้องเข้าทำการเซอร์วิสบ่อยๆ ให้รำคาญใจลูกค้า

แต่หากราคาที่เสนอไปสูงเกินงบประมาณที่ลูกค้ามีอยู่ในใจ อันนี้เราก็ต้องจำใจเลือกอุปกรณ์ Media Converter เป็นเกรดธรรมดา

ซึ่งแน่นอนราคาก็จะถูกลงมามาก และถูกใจลูกค้าด้วย แต่สำหรับช่างติดตั้งก็ต้องแบกภาระความเสี่ยงในการเข้าให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดอายุการรับประกันผลงาน

อีกอย่างหนึ่งสำหรับการเลือกใช้งานด้วยอุปกรณ์ Media Converter ต้องสังเกตุเรื่องของการส่งข้อมูลของอุปกรณ์ด้วยว่าสามารถรองรับการจัดส่งข้อมูลได้ขนาดไหน

ตามท้องตลาดที่มีขายกันทั่วไปก็จะเป็นแบบ 10/100 ซึ่งราคาก็จะไม่สูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้อุปกรณ์ที่เป็น 100/1000 อันนี้หากผู้ใช้งานเองไม่ทราบรายละเอียด

ก็ต้องสังเกตุดูเอาครับว่าช่างติดตั้ง หรือผู้รับเหมาเลือกอุปกรณ์แบบไหนให้เราได้ใช้งานกัน เพราะมันเป็นเรื่องของการรับส่งข้อมูลในอนาคต

แต่สำหรับการลือกใช้งานติดตั้งแบบชนิด PON FTTx ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นแต่อย่างใดครับ เพราะทุกอย่างส่งข้อมูลแบบเต็มเครือข่าย ไม่เป็นคอขวดแต่อย่างใด

ทำให้ข้อมูลที่เราได้รับ หรือทำการส่งทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นี้จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายๆ ที่เลือกใช้งานการออกแบบกล้องวงจรปิด

ด้วยระบบ PoN เพราะเมื่อเปลี่ยบเทียบกับค่าใช้จ่ายแล้ว เราจะต้องเลือกอุปกรณ์ Media Converter ที่เป็นแบบ 10/100/1000 เท่านั้น ถึงจะใช้งานให้ข้อมูลวิ่งได้เต็มที่

 

 

7. ทั้งโครงข่ายเป็นใยแก้วนำแสง 100% มีความแข็งแรงของ Connecter สูงสุด

ลดปัญหาระหว่างการใช้งาน เรื่องข้อต่อชำรุด อีกปัญหาหนึ่งที่เจอบ่อยๆ คือตัว Connecter ของอุปกรณ์ครับ เช่น หัว RJ45 ซึ่งเมื่อเราใช้งานไปนานๆ ก็จะเริ่มมีปัญหา

ทำให้ภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดเกิดปัญหา ขาดๆ หายๆ ซึ่งเมื่อเข้าตรวจสอบหน้างานแล้วก็จะต้องทำการเข้าหัวใหม่ ภาพก็จะเริ่มกลับมาใช้งานได้ตามปรกติเหมือนเดิม

แต่ด้วยระบบของการติดตั้งแบบ PON FTTx ปัญหาเหล่านี้จะไม่ค่อยเกิดขึ้นความแข็งแรงของหัว Connecter ที่เป็นแบบ Fiber Optic ถือว่ามีความแข็งแรงที่สุดอยู่แล้ว

หากระบบของเราเดินด้วย Fiber Optic ได้ 100% นั้นก็แสดงให้เห็นว่าอุปกรณ์ต่างๆ ภายในระบบของเราก็จะมีความแข็งแรงตามไปด้วย ไม่ต้องกังวลมากนัก

เพราะทุกอย่างวิ่งเข้าถึงอุปกรณ์ที่เป็น switch ด้วย Fiber Opticโดยตรง ทำให้ผู้ใช้งานด้วยระบบนี้ลดปัญหาการแก้ไขต่างๆ ลดค่าใช้จ่ายในการเข้าไปให้บริการลูกค้า

เพราะอย่าลืมว่าการที่เราเข้าไปเซอร์วิสลูกค้าบ่อยๆ นั้นถือว่าเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายของเราเอง

 

 

สินค้าแนะนำระบบรักษาความปลอดภัย :   รั้วไฟฟ้า   สัญญาณกันขโมย

 

 

สรุป

ระบบ PON FTTx เป็นโครงข่ายที่มีความปลอดภัยสูง ส่งข้อมูลต่างๆ ได้อย่าง unlimited ทั้งโครงข่าย และสามารถที่เพิ่มบริการเสริมต่างๆ ได้ในอนาคต

อย่างเช่น ระบบเสียงตามสาย ระบบ WiFi บริการชุมชน ระบบ IOT หรือระบบการแจ้งเตือนความปลอดภัย เป็นต้น