ความช่วยเหลือการทำงาน ถือเป็นงานช่วยเหลือที่ท้าทายทางด้านเทคนิคเนื่องจากที่อับอากาศมีสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายที่มีลักษณะเฉพาะและต่างกัน เป็นที่ที่มีทางเข้าออกจำกัดสำหรับผู้ให้การช่วยเหลือ
ลและยังเป็นที่ที่มีแสงสว่างน้อยหรือแทบจะไม่มีเลย ผู้ให้การช่วยเหลือจะต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ที่ให้แสงสว่างและยังเป็นที่ที่มีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายอาจอยู่ในรูปของก๊าซหรือของเหลวที่เป็นอันตรายหรือทำให้ผู้ทำงานเสียชีวิตได้
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
ระบบกล้องวงจรปิด
เนื่องจากที่อับอากาศมีปากทางเข้าออกจำกัดและยากลำบากในการช่วยเหลือ ผู้ทำงานและผุ้ทำการช่วยมีเลาจำกัดเพียงไม่กี่นาทีไม่เช่นนั้นผู้ประสบภัยจะหมดสติเป็นผลให้สมองถูกทำลายหรือเสียชีวิตได้
การพยายามช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนในที่อับอากาศจะนำไปสู่การช่วยเหลือที่ไม่ดีพอ ผู้ประสบภัย 2ใน 3 อาจเสียชีวิตในระหว่างรอการช่วยเหลือในที่ที่อับอากาศได้
ประเภทการช่วยเหลือในที่อับอากาศ
การให้การช่วยเหลือแบ่งตามประเภทความรุนแรงของสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- การอพยพหนีด้วยตนเอง
- การให้การช่วยเหลือจากภายนอกที่อับอากาศ
- การให้การช่วยเหลือโดยการเข้าไปในที่อับอากาศ
สาเหตุผู้ปฏิบัติงานเสียชีวิตในที่อับอากาศ
บริเวณที่อับอากาศเหมือนไม่มีอันตรายใดๆ ไม่มีสัญญาณใดๆ บอกถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ทำให้ผู้ทำงานเพิกเฉยที่จะบริหารจัดการและกำหนดมาตรการควบคุมก่อนเข้าไปทำงานในที่อับอากาศ
ในที่อับอากาศไม่อาจที่จะคาดการณ์ได้ว่าบรรยากาศหรือสถานการณ์ภายในที่อับอากาศไม่มีการเปลี่ยนแปลงและมีความปลอดภัยเพียงพอที่จะเข้าไปทำงานได้
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
สถานการณ์ฉุกเฉิน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกที่อับอากาศทำให้เกิดความล้มเหลวในการควบคุมอันตราย ความผิดดพลาดของเครื่องมือตรวจวัด ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวก่อมให้เกิดอันตรายต่อผู้ทำงานในที่อับอากาศ
เหตุที่มีผู้เสียชีวิตจากการช่วยเหลือ
การเข้าไปช่วยเหลือแล้วทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่อับอากาศ เนื่องจากผู้ให้การช่วยเหลือไม่รู้เกี่ยวกับอันตรายที่เกิดขึ้นในที่อับอากาศ, ไม่มีแผนปฏิบัติการช่วยเหลือ, ขาดการฝึกอบรม ซักซ้อมแผนการช่วยเหลือ
ความจำเป็นที่จะต้องแจ้งให้ผู้ปฏิบัติงานและผู้ให้การช่วยเหลือทราบว่าคุณมีเวลาจำกัดแค่ 4 นาทีในการช่วยเหลือ ถือว่าจำเป็นอย่างแน่นอน
เพราะว่าระยะเวลาที่ให้การช่วยมีจำกัดมากๆ ไม่เช่นนั้นแล้วการช่วยเหลือจะกลายเป็นการกู้ภัย หลังจาก 4 นาทีแล้ว
ถ้าไม่มีออกซิเจนผู้ทำงานอาจจะหมดสติและเป็นผลทำให้สมองถูกทำลายหรือเสียชีวิตได้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ช่วยเหลือได้รับอุบัติเหตุรุนแรง
โดยมีการเตรียมการวางแผนการปฏิบัติการช่วยเหลือ, การมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบของสมาชิกในทีม, ซักซ้อมความเข้าใจในการทำการช่วยเหลือ
เพื่อให้เกิดทักษะในการช่วยเหลือเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในที่อับอากาศ
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
ประเด็นสำคัญที่จะต้องพิจารณาในการวางแผนให้การช่วยเหลือ
ในการเข้าปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ให้การช่วยเหลือจะต้องคาดการ์ว่า ในที่อับอากาศนั้นมีอันตรายถึงชีวิตและการเข้าไปช่วยเหลือจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
ผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือ จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมให้ทำหน้าที่ช่วยเหลือและไม่ใช่ผู้ที่ทำหน้าที่อื่นๆในการทำงานในที่อับอากาศ
หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญในการช่วยเหลือ แต่อย่างน้อยที่สุดจะต้องมีหนึ่งคนที่อยู่ในบริเวณสถานที่เกิดเหตุที่พร้อมจะให้การช่วยเหลือในขณะที่คนอื่นๆ ที่เป็นทีมงานช่วยเหลือทุกคนจะต้องผ่านการฝึกอบรมคุ้นเคยกับการช่วยเหลือ
คุณสมบัติของผู้ช่วยเหลือยังรวมถึงการมีความรู้และประสบการณ์การทำงานกับอันตรายที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือและการทำการช่วยเหลือนที่อับากาศ
ผู้ที่ทำหน้าที่ให้การช่วยเหลือจะต้องรู้ถึงจำนวนของผู้ประสบอันตรายและพื้นที่เกิดเหตุ ระยะเวลาที่ผู้ประสบอันตรายได้สัมผัสกับอันตรายในที่อับอากาศ
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ข้อมูลในการขออนุญาตเข้าทำงานในที่อับอากาศทั้งหมด รวมถึงผลการตรวจวัดบรรยากาศ ขั้นตอนการตัดแยกระบบ ข้อมูลรายละเอียดของสารเคมีอันตราย
ปัจจัยที่ใช้พิจารณาการเตรียมความพร้อมเพื่อตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน
ในการเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในที่อับอากาศได้มีข้อกำหนดว่าควรและไม่ควรปฏิบัติไว้ ดังนี้
- ไม่เข้าไปในที่อับอากาศถ้าไม่จำเป็นเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินในที่อับอากาศ ไม่ควรส่งคนลงไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยอันตราย ถ้าพิจารณาว่าสามารถใช้เทคนิคการช่วยเหลือ
จากด้านนอกได้ไม่เสี่ยงโดยไม่จำเป็น ปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่ช่วยเหลือที่สามารถติดตั้งไว้ล่วงหน้า ถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็จะสามารถดึงคนออกมาจากจุดที่เกิดเหตุได้ทันที - ไม่ใช้อากาศหายใจจากแหล่งเดียวกับผู้ทำงานทีมช่วยเหลือ ไม่ควรใช้แหล่งอากาศสำหรับอุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจชนิดท่ออากาศจากแหล่งเดียวกับผู้ทำงานที่กำลังได้รับการช่วยเหลือ
เพื่อป้องกันความผิดพลาดหรือปัญหาที่เกิดจากระบบส่งอากาศจะต้องแยกชุดส่งอากาศของทีมช่วยเหลือเป็นการเฉพาะ - ไม่ปล่อยให้การช่วยเหลือเป็นหน้าที่ของทีมช้วยเหลือจากภายนอกหน่วยงาน ประสิทธิภาพของทีมช่วยเหลือจากภายนอกจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้รับ
จากเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานในที่เกิดเหตุ ปัจจัยสำคัญในการเมินสภาพอันตรายในที่อับอากาศเพื่อการกำหนดวิธีการช่วยเหลือที่เหมาะสม - ควรรอความพร้อมก่อนทำการช่วยเหลือ จำเป็นต้องส่งทีมเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยอันตรายในที่อับอากาศจะต้องมั่นใจว่าทีมช่วยเหลือและอุปกรณ์ที่มีครบถ้วนและมีความพร้อมเพียงพอแล้ว
เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายแก่ผู้ให้การช่วยเหลือ - ควรคำนึงถึงว่าบรรยากาศในที่อับอากาศจะทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและสขภาพได้ทุกเวลา ถ้าไม่มีผลการตรวจวัดแสดงให้เห็นว่าปลอดดภัย จำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบอันตรายจะต้องใส่ SCEA ตลอดเวลา
- ควรจำกัดจำนวนผู้ที่เข้าไปในที่อับอากาศ จำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบอันตรายจะต้องส่งคนเข้าไปช่วยเหลือให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
การกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติงานที่อับอากาศในกรณีฉุกเฉิน ดังนี้
- ต้องมั่นใจว่าทางเข้าออกในที่อับอากาศมีขนาดเพียงพอที่จะเข้าไปช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินได้
- จะต้องไม่มีสิ่งกีดขวางทางเข้าออก
- อุปกรณ์ เครื่องมือ และอุปกรณ์ป้องกันนอันตรายส่วนบุคคลจะต้องมีเพียงพอสำหรับการใช้ในการปฐมพยาบาลและการช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินและต้องรักษาให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้ดี
การจัดทำขั้นตอนการช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน ปัจจัยที่จะต้องพิจารณานั่นก็คือ การบริหารความเสี่ยงได้สอดคล้องกับที่อับอากาศ ได้แก่
- งานที่จะทำนั้น สามารถหลีกเลี่ยงการทำงานในที่อับอากาศได้หรือไม่
- ธรรมชาติของที่อับอากาศเป็นอย่างไร
- การเปลี่ยนแปลงของอันตรายที่สอดคล้องกับความหนาแน่นของก๊าซออกซิเจนหรือความหนาแน่นของสารปนเปื้อนในที่อับอากาศ
- งานที่จะทำในที่อับอากาศ ช่วงระยะเวลาในการทำเป็นอย่างไร และวิธีการทำงานเป็นอย่างไร
- ลักษณะของขั้นตอนการช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินที่ต้องจัดเตรียมไว้เป็นอย่างไร
การปฐมพยาบาลและขั้นตอนการช่วยเหลือจะต้องได้รับการปรึกษากับผู้ทำงานที่เกี่ยวขอ้งเพื่อให้มั่นใจว่าการปฐมพยาบาลและขั้นตอนการช่วยเหลือมีประสิทธิภาพเละประสิทธิผล
ถ้าเป็นไปได้การช่วยเหลือควรทำในพื้นที่ภายนอกของที่อับอากาศ ผู้ช่วยเหลือจะต้องได้รับการฝึกอบรมที่เพียงพอและเหมาะสมและต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสมเมื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ผู้ปฏิบัติงานหมดสติเพราะเหตุว่าขาดออกซิเจน หรือเพราะสารปนเปื้อน ผู้ช่วยเหลือควรคิดไว้เสมอว่าทางเข้าในที่อับอากาศก็ไม่ปลอดดภัย เว้นเสียแต่ว่าผู้ช่วยเหลือได้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ
ส่วนประเด็นที่สำคัญคือทางเข้าออกที่อับอากาศจะต้องนำมาพิจารณาในการจัดทำขั้นตอนการช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ถ้าพบว่าปากทางเข้าออกมีขนาดไม่เพียงพอ
ควรปรับขนาดปากทางเข้าออกให้กว้างมากขึ้น วิธีการที่ปลอดภัยที่เป็นทางเลือกอื่นๆ ที่ควรจะจัดเตรียมไว้
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
แผนช่วยเหลือต้องประกอบด้วย
- กันพื้นที่เพื่อป้องกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในบริเวณที่เกิดเหตุ
- เพิ่มการระบายอากาศ
- ควบคุมอันตรายอื่นๆ เช่น อันตรายจากการจราจร เป็นต้น
- อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
- อุปกรณ์แสงสว่งชนิดป้องกันการระเบิด
- วิธีการสื่อสาร
- ทีมช่วยเหลือสำรอง
- ขั้นตอนการเคลื่อนย้ายผู้ประสบอันตรายออกจากพื้นที่แลเครื่องมืออุปกรณ์ในการเคลื่อนย้าย
- ยานพาหนะที่จำเป็นต้องใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
- บุคลากรทางการแพทย์
ทีมฉุกเฉินจำเป็นต้องซักซ้อมในสถานการณ์จำลองหรือสถานการณ์เสมือนจริงอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
แผนการช่วยเหลือจำเป็นต้องมีการทบทวนก็ต่อเมื่อ
- สภาพการณ์ในที่อับอากาศเปลี่ยนแปลง
- ผู้ปฏิบัติงานพบว่ามีอันตรายใหม่เกิดขึ้น
- มีการเปลี่ยนตัวผู้ให้การช่วยเหลือในทีมฉุกเฉิน
- มีการสั่งซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ใหม่ในการช่วยเหลือเข้ามาใช้
- ผลการประเมินประสิทธิภาพการฝึกอบรมไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
- พบว่าแผนการช่วยเหลือยังไม่สมบูรณ์ เช่น พบความผิดพลาดจากการซักซ้อมแผนช่วยเหลือ
นายจ้างจะต้องเตรียมความพร้อมในการโต้ตอบฉุกเฉิน
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
จัดตั้งทีมฉุกเฉินภายในหน่วยงาน
- นายจ้างจะต้องสร้างทีมโต้ตอบฉุกเฉินของสถานประกอบกิจการเอง แต่ก็อาจขอความช่วยเหลือจากทีมภายนอกได้
- ทีมฉุกเฉินภายในหน่วยงานจะต้องมีหนึ่งคนที่ปฏิบัติงานในพื้นที่บริเวณที่อับอากาศจะต้องได้รับการฝึกอบรมเรื่องการปฐมพยาบาล
และ CPR และทีมฉุกเฉินทุกคนจะต้องซักซ้อมการใช้และการบำรุงรักษา PPE และอุปกรณ์ช่วยชีวิตชนิดอื่นๆ ต้องทำการซักซ้อมในสถานการณ์จำลองฉุกเฉินทุกปี
การซักซ้อมบทบาทสมมติของแต่ละคนในทีมฉุกเฉินและการโต้ตอบภาวะฉุกเฉิน
การขอความช่วยเหลือจากทีมฉุกเฉินภายนอก
- ถ้าทีมฉุกเฉินภายนอกไม่สามารถให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที ก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ที่จะต้องรอขอความช่วยเหลือ
- จงจำไว้ว่าโอกาสของการช่วยเหลือมีเพียงระยะเวลาจำกัด ประมาณ 4 นาที เวลาในการช่วยเหลือจากหน่วยงานฉุกเฉินภายนอกอาจจะต้องใช้เวลายาวนาน ถ้า 4 นาที
ผ่านไปแล้วผู้ประสบอันตรายอาจจะหมดสติ สมองถูกทำลายหรือเสียชีวิต - จัดลำดับเวลาในการช่วยเหลือและมั่นใจว่าทีมช่วยเหลือจากภายนอกมีความสามารถในการช่วยเหลือคุณได้ทันที ให้ข้อมูลจำนวนผู้ที่ทำงานในที่อับอากาศและลักษณะอื่น ๆ
ของที่อับอากาศแก่หน่วยงานฉุกเฉินภายนอกล่วงหน้า - จงเปิดเผยอันตรายทั้งหมดที่มีอยู่ในที่อับอากาศที่พอจะรู้ได้เพื่อประโยชน์ในการวางแผนการให้ความช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสม
- บอกเส้นทางเข้าออกที่อับอากาศเพื่อหน่วยงานฉุกเฉินภายนอกจะได้สร้างความคุ้นเคยกับสถานที่เกิดเหตุ พัฒนาแผนช่วยเหลือล่วงหน้าและการจำลองฝึกช่วยเหลือเสมือนในสถานการณ์จริง
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
อุปกรณ์ช่วยเหลือประกอบด้วย
- เข็มขัดรัดชนิดเต็มตัวพร้อมสายช่วยชีวิต
- สายรัดข้อมือใช้ช่วยเหลือสำหรับผู้ประสบภัยที่ยังไม่รู้สึกตัวและเป็นวิธีการช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเนื่องจากไม่ต้องเข้าไปในที่อับอากาศ
- ชุดขาตั้งสามขาจำเป็นในที่อับอากาศที่มีความลึกมากกว่า 5 ฟุต
- บันได
- อุปกรณ์แสงสว่างชนิดป้องกันการระเบิด
- SCBA / Air line respirator
- เปล
- หมวกกันกระแทก
หลักการค้นหาและช่วยชีวิต มีอยู่ 3 ประการหลักๆ คือ
- ผู้ประสบภัย / ผู้ช่วยเหลือต้องมีชีวิตรอดปลอดภัย
- ช่วยเหลือผู้ประสบภัยออกมาสู่พื้นที่ปลอดภัย
- กู้สถานการณ์ให้กลับสู่สภาพปกติ
วิธีการค้นหาในห้องมืด
โดยปกติทั่วไปในห้องมือจะทำให้สายตาของเรานั้นมองไม่เห็นแม้จะมีไฟฟ้าส่องหรือมีสปอตไลท์ส่องอยู่ก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาวิธีการช่วยเหลือตัวเองไม่ให้เกิดอันตราย
และไม่ให้หลงทางจนออกไม่ถูก โดยการใช้มือและเท้าในการช่วยค้นหา, การให้สัญญาณต่างๆ เป็นต้น
เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องผ่านการฝึกอบรมเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเป็นอย่างดี สิ่งแรกที่จำเป็นอย่างยิ่งก่อนที่จะนำผู้ประสบภัยออกจาสถานที่เกิดเหตุ คือการทำให้ผู้ประสบภัยอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย ซึ่งจะต้องพิจารณาดำเนินการต่อไปนี้
- การทำให้ผู้ประสบภัยฟื้นคืนชีพ
- การพันแผล
- การเข้าเฝือก
- การดูแลกระดูกสันหลัง
- การแก้ไขอาการช็อค
การจัดทีมกู้ภัย แบ่งออกตามหน้าที่ ดังนี้
- หัวหน้าทีม
- หัวหน้าชุด
- เจ้าหน้าที่กู้ภัย
- ทีมสนับสนุน
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
หน้าที่ของหัวหน้าทีมกู้ภัย
- รายงานสถานการณ์ของการปฏิบัติงานให้กับผู้บังคับัติงานให้กับผู้บังคับบัญชา
- ประเมินสถานการณ์และสำรวจสภาพพื้นที่เกิดเหตุ
- ตัดสินใจและสั่งการปฏิบัติงาน
- มั่นใจว่าวิธีการช่วยเหลือนั้นถูกต้อง
- เตรียมกำลังสำรองสนับสนุน
- ร้องขอกำลังคน เครื่องมือ อุปกรณ์สนับสนุน
- จัดเวลาพักให้ทีมปฏิบัติการ
- แต่งตั้งผู้ทำหน้าที่แทนกรณีไม่อยู่
- จัดเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม และที่พัก
- จด บันทึกการปฏิบัติงาน
- จัดทำรายงานผลการปฏิบัติงาน
หน้าที่ของหัวหน้าชุดกู้ภัย
- รับคำสั่งจากหัวหน้าทีม
- กำกับดูแลความพร้อมของทีมกู้ภัยสำรอง
- ควบคุมการปฏิบัติงานของชุดกู้ภัยตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
- ดูแลความปลอดภัยของทีม
- ควบคุมการใช้อุปกรณ์กู้ภัย รถสนับสนุนต่าง ๆ ให้เป็นไปตามคำสั่ง
- รายงานหัวหน้าทีม เมื่อลูกทีมบาดเจ็บ อุปกรณ์ชำรุดและต้องการทดแทน
- ขอรับการสนับสนุนเมื่อต้องการ
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
การกู้ภัย
งานที่ต้องปฏิบัติอยู่ภายใต้สถานการณ์อันเลวร้ายความสับสนจากความร้อน ความมือ เสียง ควัน และสิ่งกีดขวางทั้งหลายๆ สิ่งจะทำให้นักกู้ภัยทั้งหลายตื่นตระหนก สับสน
จนอาจทำให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยไม่มีประสิทธิภาพ ขั้นตอนการปฏิบัติต่อไปนี้ช่วยให้หัวหน้าทีมกู้ภัยได้ลำดัยขั้นตอนของการนำทีมเข้าปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย
- ประเมินสถานการณ์
- เหตุเกิดเมื่อไร
- พื้นที่เกิดเหตุปลอดภัยหรือไม่ มีอันตรายอย่างไร
- ทีมกู้ภัยพร้อมปฏิบัติการหรือไม่
- มีทีมกู้ภัยสนับสนุนอีกเท่าไร จากไหน
- อุปกรณ์ป้องกันอันตราย เครื่องมือ เครื่องใช้
- พื้นที่ปลอดภัยอยู่ที่ใด
- เคลื่อนย้ายอย่างไร
- การส่งทีมเข้าค้นหา
- ต้องส่งเข้าค้นหาอย่างน้อย 2 นายเสมอ
- ก่อนเข้า ทีมจะต้องศึกษาลักษณะพื้นที่ ทางเข้า – ออก
- การตกลงสัญญาณ การติดต่อสื่อสารของทีม
- การใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสม
- อุปกรณ์ส่องสว่าง อุปกรณ์เชือกช่วยชีวิต
- วางแผนเข้าปฏิบัติการ
- พิจารณาวิธีการผูกมัดผู้บาดเจ็บ
- พิจารณาวิธีการเคลื่อนย้ายว่าจะขึ้น / จะลง
- พิจารณาถึงกำลังคน อุปกรณ์ ขอจากที่ใด
- มอบหมายหน้าที่เฉพาะให้แต่ละคนภายในทีม
- นำผู้บาดเจ็บมาสู่ที่ปลอดภัยและส่งต่อไป
- เสนอแนะผลการปฏิบัติการของทีมหลังเสร็จสิ้นภารกิจเพื่อปรับปรุงทีม
Related link : ป้องการอันตรายจากรั้วไฟฟ้ากันขโมย ระบบสัญญาณกันขโมยไร้สาย
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา