เรื่องการดับเพลิงขั้นต้น สาเหตุของการเกิดและแหล่งกำเนิดอัคคีภัย
ทฤษฏีการเผาไหม้ กระบวนการเผาไหม้ของไฟนั้นเป็นสิ่งที่สามารถคาดการณ์ได้เฉพาะการเผาไหม้นั้นเป็นไปตามกฏเกณฑ์ “ธรรมชาติของไฟ”
“ไฟ” เป็นปฏิกิริยาเคมีชนิดหนึ่งที่เรารู้จักกันคือ “การเผาไหม้” ซึ่งปฏิกิริยาร่วมระหว่างองค์ประกอบ 3 สิ่ง คือ เชื้อเพลิง ออกซิเจน และความร้อน
ในสภาวะที่เหมาะสมแล้ว ให้พลังงานออกมาในรูปของพลังงานความร้อนและพลังงานแสงสว่างซึ่งส่วนประกอบของไฟนั้นแสดงโดยใช้รูปสามเหลี่ยมของไฟ
องค์ประกอบจะต้องมีปฏิกิริยาของการสันดาป คือ เชื้อเพลิงได้รับความร้อนจากก๊าซที่ไอที่ผิวมากพอที่จะติดไฟได้ และเมื่อออกซิเจนอากาศไม่ต่ำกว่าร้อยละ 16 ไฟก็จะติดขึ้น
โมเลกุลของเชื้อเพลิงจะแตกตัวเป็นโมเลกุลที่มีขนาดเล็กลงๆ จนแปรสภาพเป็นก๊าซแล้วลุกไหม้ต่อเนื่องกันไปเป็นลูกโซ่ ซึ่งสามารถแสดง องค์ประกอบของการเผาไหม้เป็นรูปปิรามิดของไฟ
แต่เมื่อปฏิกิริยาลูกโซ่ขาดตอนลงเมื่อใดการสันดาบก็จะหยุดลง
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
กล้อง IP CAMERA
เชื้อเพลิง วัตถุใดก็ตามที่สามารถทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้อย่างรวดเร็วในการเผาไหม้ เชื้อเพลิงที่อยู่สถานะก๊าซจะสามารถลุกไหม้ไฟได้
แต่ถ้าอยู่ในสถานะของแข็งและของเหลวจะไม่ลุกไหม้ไฟ ถ้าโมเลกุลที่ผิวของเชื้อเพลิงไม่อยู่ในสภาพที่เป็นก๊าซ
การที่โมเลกุลของแข็งหรือของเหลวนั้นจะสามารถแปรสภาพกลายเป็นก๊าซได้นั้นจะต้องอาศัยความร้อนที่แตกต่างกันตามชนิดของเชื้อเพลิงแต่ละชนิด
ความแตกต่างของลักษณะการติดไฟของเชื้อเพลิงขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ 4 ประการ ดังนี้ ความสามารถในการติดไฟของสาร, จุดวาบไฟ, จุดติดไฟ, ความหนาแน่นไอ
ออกซิเจน อากาศที่อยู่รอบๆ มีก๊าซ ออกซิเจนเป็นองค์ประกอบประมาณ 21 % การเผาไหม้แต่ละครั้งนั้นจะต้องการออกซิเจนประมาณ 16 % เท่านั้น
จะเห็นว่าเชื้อเพลิงทุกชนิดที่อยู่ในบรรยากาศรอบๆ ตัวเรานั้นจะถูกล้อมรอบด้วยออกซิเจน ซึ่งมีปริมาณเพียงพอสำหรับการเผาไหม้ยิ่งถ้าปริมาณออกซิเจนยิ่งมาก
เชื้อเพลิงก็จะยิ่งติดไฟได้ดีขึ้น และเชื้อเพลิงบางประเภทจะมีออกซิเจนในตัวเองอย่างเพียงพอที่จะทำให้ตัวเองไหม้ได้โดยไม่ต้องใช้ออกซิเจนที่อยู่โดยรอบเลย
แหล่งกำเนิดอัคคีภัยที่พบเห็นอยู่เสมอ ๆ คือ
- อุปกรณ์ไฟฟ้า
- ความเสียดทาน
- วัสดุไวไฟชนิดพิเศษ
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
การควบคุมแหล่งกำเนิดอัคคีภัย
เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างความร้อน เชื้อไฟ และออกซิเจนในอากาศ เมื่อรู้ว่าอะไรที่สามารถผลิคความร้อนสูงพอที่จะติดไฟได้ จำเป็นที่จะต้องควบคุม
ไม่ให้มีองค์ประกอบอีก 2 ประการเข้าไปร่วมด้วย แต่ถ้าควบคุมไม่ได้ทั้งสองอย่าง เราก็ต้องคอยดูและควบคุมไม่ให้มีเชื้อไฟเข้าไปสัมผัสกับสิ่งที่ทำให้เกิดความร้อนสูง
ข้อแนะนำสำหรับการดูแลควบคุมแหล่งกำเนิดอัคคีภัย ทำได้โดยการลดความร้อน และ/หรือการกำจัดหรือป้องกันไม่ให้มีเชื้อไฟจะปสัมผัสความร้อน ซึ่งมีดังนี้
- อุปกรณ์ไฟฟ้า ควรใช้สายไฟ มอเตอร์ สะพานไฟ ฯลฯให้เหมาะสมกับงาน ควรตรวจสอบสายไฟ และรอยต่อสายไฟอยู่เสมอๆ
เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดการช๊อต การทำความสะอาดอุปกรณ์ไฟฟ้าควรใช้น้ำยาเฉพาะ และควรเป็นชนิดที่ไม่ไวไฟ - การลดความเสียดทาน ทำได้โดยการใช้สารสำหรับหล่อลื่นที่ไม่ไวไฟฟและเป็นชนิดที่ได้รับการแนะนำจากผู้สร้างอุปกรณ์หรือฝ่ายวิศวกรรม
ควรมีการทำความสะอาดอุปกรณ์เสมอๆ เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของฝุ่นซึ่งอาจเป็นเชื้อไฟ - วัสดุไวไฟชนิดพิเศษ ควรเก็บรักษาให้ถูกต้อง ซึ่งควรเป็นการเสนอแนะจากฝ่ายวิศวกรรมหรือผู้เชี่ยวชาญ
- การเชื่อมและการตัดโลหะ ควรจัดเป็นบริเวณแยกต่างหากจากอื่นๆ ควรอยู่ในบริเวณที่มีการถ่ายเทอากาศสะดวกและพื้นที่จะต้องเป็นชนิดทนไฟ
แต่ถ้าหากจัดให้อยู่แยกต่างหากไม่ได้ก็ควรจะทำตามวิธีดังนี้ ต้องเป็นบริเวณที่ฝ่ายป้องกันอัคคีภัยรับรองว่าใช้ได้, ต้องมีการจัดเตรียมบริเวณและหลักปฏิบัติสำหรับการป้องกันอัคคีภัยอันอาจเกิดขึ้นจากเหตุต่างๆ - การใช้เตาเผาแบบเปิดหรือเปลวไฟที่ไม่มีสิ่งปิดคลุม จะต้องมีการป้องกันเพื่อไม่ให้การกระเด็นของลูกไฟและต้องไม่เก็บสารที่เป็นเชื้อไฟไว้ในบริเวณที่ใกล้เคียง
รวมทั้งต้องมีการถ่ายเทอากาศที่เหมาะสม ส่วนหัวแร้งสำหรับเชื่อมหรือสิ่งที่ให้เปลวไฟโดยไม่มีสิ่งปิดคลุมไม่ควรทิ้งให้ติดไฟโดยไม่มีการดูแล - การสูบบุหรี่และการจุดไฟ ควรจัดให้มีบริเวณสำหรับพนักงาน และถ้าบริเวณใดที่ห้ามสูบบุหรี่ควรจัดให้มีป้ายแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน และเตรียมบริเวณสำหรับป้องกันการเกิดอัคคีภัย
ที่เกิดจากความประมาทเลิ่นเล่อ รวมทั้งประกาศหลักปฏิบัติในการใช้บรเวณเพื่อให้พนักงานเข้าใจและให้ความร่วมมือป้องกันอัคคีภัย ในบริเวณใดที่ห้ามการสูบบุหรี่ควรห้ามจุดไฟด้วย - วัตถุที่ผิวร้อนจัด กรณีของไฟ ท่อไอน้ำ ท่อน้ำร้อน ฯลฯ ไม่ควรเดินท่อเหล่านี้ผ่านส่วนที่เป็นพื้นหรือเพดาน ควรจัดให้ผ่านผนังทนไฟหรือมีการหุ้มห่อด้วยสารทนไฟและถ่ายเทความร้อนได้
สำหรับพวกโลหะที่ถูกทำให้ร้อนควรบรรจุในภาชนะและผ่านไปตามอุปกรณ์ที่จัดไว้โดยเฉพาะเท่านั้น - ไฟฟ้าสถิต ประจุไฟฟ้าสถิตส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการเสียดสีของสารที่ไม่เป็นตัวนำ เมื่อเกิดการถ่ายเทประจุไฟฟ้า จะทำให้เกิดประกายไฟ และประกายไฟสัมผัสกับเชื้อไฟก็อาจเกิดการลุกไหม้
การป้องกันไม่ให้เกิดไฟฟ้าสถิตเป็นไปไม่ได้ วิธีแก้ไขที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป เช่น การต่อสายลงดิน, การต่อกับวัตถุที่ทำหน้าที่เป็นตัวประจุไว้, รักษาระดับความชื้นสัมพัทธ์ที่ระดับที่เหมาะสม,
การทำให้บรรยากาศรอบๆ เป็นประจุไฟฟ้า ทำหน้าที่เป็นตัวนำประจุไฟฟ้าออกจากวัตถุที่เก็บประจุไฟฟ้าสถิตไว้ในตัว เป็นต้น - เครื่องทำความร้อน เชื้อเพลิงที่ใช้ ควรมีจุดติดไฟที่อุณหภูมิสูงบริเวณที่ติดตั้งเครื่องควรมีการระบายอากาศที่ดี เชื้อเพลิงถ้าเกิดการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์จะเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ซึ่งเป็นอันตรายต่อคน ควรอยู่ห่างจากสารไวไฟในกรณีที่มีเปลวไฟ ควรมีฝาปิดกั้นที่ทนไฟและไม่ติดไฟ มีปล่องสำหรับปล่อยอากาศร้อนหรือก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้
พวกขี้เถ้าที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ไม่ควรตักออกจนกว่าไฟจะมอดหมดแล้ว พวกเครื่องทำความร้อนที่หิ้วหรือย้ายเปลี่ยนที่ได้ ควรมีที่สำหรับหิ้วหรือสำหรับการขนย้ายมี่เหมาะสม - การลุกไหม้ด้วยตนเอง เนื่องจากก๊าซออกซิเจนทำปฏิกิริยาการสันดาปขึ้นกับเชื้อไฟจนกระทั่งติดไฟและเกิดการลุกไหม้ มักจะเกิดขึ้นในบริเวณที่มีอากาศพอที่จะเกิดการสันดาป
แต่ไม่มากพอที่จะถ่ายเทอากาศซึ่งจะทำให้เกิดความร้อนสูงในที่ที่เก็บสารที่อาจเกิดการสันดาปได้ควรมีการถ่ายเทอากาศที่เหมาะสม และปราศจากเชื้อไฟที่อาจเร่งปฏิกิริยาการสันดาป
การใช้ถังขยะชนิดที่มีฝาปิดมิดชิดสำหรับขยะที่เปื้อนน้ำมันหรือสีจะช่วยป้องกันการลุกไหม้ด้วยตนเองได้
การระงับอัคคีภัย
การเกิดอัคคีภัยย่อมแตกต่างกันไปตามลักษณะทางเคมีและทางกายภาพที่เกี่ยวกับการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงหรือประเภทของไฟ ตามลักษณะโครงสร้างของอาคาร
การส่งผ่านความร้อนที่จะทำให้เกิดการติดต่อลุกลามและทิศทางของลมที่จะช่วยให้เกิดการกระจายตัวของไฟ เกิดการลุกไหม้รุนแรงขึ้น เพื่อเป็นการระงับความรุนแรงของไฟ ต้องพิจารณาโดยการแยกองค์ประกอบของการเผาไหม้ ดังนี้
การกำจัดเชื้อเพลิง, การเคลื่อนย้ายเชื้อเพลิงที่ติดไฟออกจากเพลิง, การทำให้ปริมาณของสิ่งที่จะไหม้ไฟน้อยลง , การลดปริมาณออกซิเจนให้น้อยลง, การเติมออกซิเจนให้มากขึ้น,
การทำให้สารที่เป็นเชื้อเพลิงมีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดวาบไฟ, การทำให้เย็นลงโดยการถ่ายเทความร้อนออกจากสารที่กำลังลุกไหม้, การทำให้เย็นตัวลงโดยการให้สารทำปฏิกิริยาดูดกลืนความร้อน
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
การใช้เครื่องดับเพลิง
ระบบการป้องกันที่สมบูรณ์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการดับเพลิง ไม่ว่าจะมีระบบป้องกันที่ดีอย่างไร อุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อเกิดแล้วสิ่งที่สำคัญสองสิ่งที่จะต้องคิดถึงเสมอ คือ
- กดปุ่มเตือนอัคคีภัยทันที ไม่ว่าขนาดของเพลิงนั้นจะเล็กหรือใหญ่
- พยายามดับเพลิงหรือควบคุมเพลิง ด้วยเครื่องมือดับเพลิงที่เหมาะสมเพื่อลดภัยอันเกิดจากเพลิงไหม้ให้เหลือ
ผู้ควบคุมงานควรรู้ถึงชนิดของเพลิง ซึ่งอาจเกิดขึ้นบริเวณความรับผิดชอบและรวมทั้งชนิดของเครื่องดับเพลิงที่จะต้องใช้สำหรับแต่ละชนิดของเพลิง ชนิดของเครื่องดับเพลิงนั้นต้องใช้ตามชนิดของเพลิงที่เกิดขึ้นนั้นๆ ด้วย
การติดตั้งเครื่องดับเพลิงควรอยู่ในที่เห็นได้ง่ายและชัดเจน และติดตั้งในลักษณะที่ใช้ได้สะดวก และอยู่สูงจากพื้นไม่เกิน 5 ฟุต ผู้ควบคุมงานถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องดูแล
ไม่ให้มีสิ่งใดไปขัดขวางการเข้าไปใช้เครื่องดับเพลิง บริเวณที่ติดตั้งเครื่องดับเพลิงควรทาสีแดงเพื่อให้สังเกตุเห็นได้ง่าย
ควรมีการตรวจสอบการบำรุงรักษาเครื่องดับเพลิงอย่างสม่ำเสมอ เพราะเครื่องดับเพลิงบางชนิดจะต้องมีการบรรจุน้ำยาใหม่ทุกๆ ระยะ และการละเลยนั้นอาจหมายถึงความสูญเสียจากอัคคีภัยได้อย่างมหาศาล
Related link : รั้วไฟฟ้ากันขโมย ระบบสัญญาณกันขโมยไร้สาย