กล้องวงจรปิด Hi view ราคาส่ง

กล้องวงจรปิดโดนแฮก เกิดจากอะไรได้บ้าง

กล้องวงจรปิดโดนแฮก การแฮ็กกล้องวงจรปิดเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งผู้ไม่ประสงค์ดีหรือแฮ็กเกอร์พยายามเข้าถึงและควบคุมกล้องวงจรปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต

การแฮ็กกล้องวงจรปิดสามารถเกิดขึ้นได้หลายวิธี เช่น การใช้รหัสผ่านที่อ่อนแอ, การโจมตีระบบเครือข่าย, หรือการใช้ช่องโหว่ของซอฟต์แวร์

เมื่อกล้องวงจรปิดถูกแฮ็ก ผู้ไม่ประสงค์ดีอาจสามารถดูหรือบันทึกวิดีโอสด แก้ไขการตั้งค่ากล้อง หรือแม้แต่ใช้กล้องเพื่อกระทำการที่เป็นอันตรายต่อเครือข่ายหรือสิ่งแวดล้อมที่กล้องนั้นติดตั้งอยู่

การป้องกันการแฮ็กกล้องวงจรปิดรวมถึงการใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่งและเปลี่ยนแปลงเป็นประจำ, การอัปเดตซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์เป็นประจำ, การเข้ารหัสการเชื่อมต่อเครือข่าย

และการตรวจสอบเครือข่ายสำหรับกิจกรรมที่ผิดปกติ การใช้กล้องจากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงและการใช้งานอุปกรณ์เครือข่ายที่มีความปลอดภัยสูงก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน.

มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้งานควรระมัดระวัง นี่คือ 10 เหตุการณ์ที่กล้องวงจรปิดอาจถูกแฮ็ก พร้อมวิธีรับมือ

1. รหัสผ่านที่อ่อนแอ  การใช้รหัสผ่านที่ง่ายหรือซ้ำกันทำให้แฮ็กเกอร์เข้าถึงได้ง่าย ควรใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและเปลี่ยนบ่อยๆ

2. ไม่อัปเดตซอฟต์แวร์  ซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัยอาจมีช่องโหว่ ควรตรวจสอบและอัปเดตซอฟต์แวร์เป็นประจำ

3. การใช้งานผ่าน Wi-Fi ไม่ปลอดภัย  Wi-Fi ที่ไม่มีการเข้ารหัสอาจทำให้แฮ็กเกอร์เข้าถึงข้อมูลได้ ใช้ Wi-Fi ที่มีการเข้ารหัส

4. การเข้าถึงจากระยะไกลโดยไม่ปลอดภัย  การเข้าถึงกล้องจากระยะไกลโดยไม่มีการเข้ารหัสทำให้ข้อมูลไหลออกได้ ใช้ VPN หรือเข้ารหัสการเชื่อมต่อ

5. ช่องโหว่ของฮาร์ดแวร์  อุปกรณ์บางชนิดอาจมีช่องโหว่จากโรงงาน ควรเลือกซื้อจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ

6. การโจมตีแบบ Man-in-the-Middle  แฮ็กเกอร์สามารถดักจับข้อมูลระหว่างกล้องกับเครือข่าย ใช้การเข้ารหัสและการตรวจสอบเครือข่ายเป็นประจำ

7. การใช้ระบบปฏิบัติการที่ล้าสมัย  ระบบปฏิบัติการเก่าอาจมีช่องโหว่ ควรอัปเดตระบบปฏิบัติการเสมอ

8. การโจมตีจากบอทเน็ต  กล้องที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอาจถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของบอทเน็ต ใช้เฟิร์มแวร์และซอฟต์แวร์ที่เชื่อถือได้

9. การตั้งค่าไม่ปลอดภัย  การตั้งค่าที่ผิดพลาดหรือไม่ปลอดภัยทำให้แฮ็กเกอร์เข้าถึงได้ง่าย ตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยอย่างละเอียด

10. การใช้กล้องที่ไม่มีการรับรอง  กล้องที่ไม่ได้รับการรับรองอาจมีความเสี่ยงต่อการแฮ็ก ให้ความสำคัญกับการรับรองความปลอดภัยของอุปกรณ์

การให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมถึงการปรับตั้งค่าความปลอดภัยอย่างถูกต้อง จะช่วยป้องกันกล้องวงจรปิดของคุณจากการถูกแฮ็กได้.

 

สอบถามข้อมูล  สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

Line: @cctvbangkok.com
ติดต่อทางเมลส์
ติดต่อเฟสบุค
ติดต่อยูทูป

HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542

 

การแฮ็กกล้องวงจรปิดสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และมีเหตุการณ์หลายรายการที่เป็นตัวอย่างชัดเจน

1. Ring Security Cameras: บริษัท Ring ถูกกล่าวหาว่าอนุญาตให้พนักงานและผู้รับเหมาเข้าถึงวิดีโอส่วนตัวของลูกค้า ซึ่งทำให้แฮ็กเกอร์สามารถควบคุมกล้องผู้ใช้ได้​​.  Link อ้างอิง

2. Dahua IP Cameras: มีการค้นพบช่องโหว่ในกล้อง Dahua IP ที่ทำให้แฮ็กเกอร์สามารถเพิ่มบัญชีผู้ดูแลระบบที่มีสิทธิ์สูงสุดและเข้าถึงกล้องดูภาพถ่ายสดได้​​. Link อ้างอิง

3. Ring Security Cameras Livestream Hack: มีการฟ้องร้องเกี่ยวกับการแฮ็กกล้อง Ring เพื่อถ่ายทอดสดกิจกรรมที่เป็นการล้อเลียน (swattings)​​. Link อ้างอิง

เพื่อรับมือกับการแฮ็กกล้องวงจรปิด คุณควรทำตามวิธีการต่อไปนี้

1. เปลี่ยนรหัสผ่านอย่างสม่ำเสมอ  ใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่งและเปลี่ยนบ่อยๆ
2. อัปเดตซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์  ให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์ของกล้องวงจรปิดเป็นเวอร์ชันล่าสุด
3. เฝ้าระวังสัญญาณของการถูกแฮ็ก  สังเกตการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของกล้อง เช่น การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติหรือการตั้งค่าที่เปลี่ยนแปลง
4. ใช้การเชื่อมต่อที่ปลอดภัย  เช่น การใช้ VPN และการเข้ารหัสการเชื่อมต่อ Wi-Fi
5. ตรวจสอบเครือข่าย  ตรวจสอบเครือข่ายของคุณเป็นประจำเพื่อหากิจกรรมที่ผิดปกติ
6. จำกัดการเข้าถึง  ตั้งค่าการเข้าถึงกล้องเฉพาะบุคคลหรืออุปกรณ์ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

การดำเนินการเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยของกล้องวงจรปิดและลดความเสี่ยงของการถูกแฮ็ก.

 

สอบถามข้อมูล  สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

Line: @cctvbangkok.com
ติดต่อทางเมลส์
ติดต่อเฟสบุค
ติดต่อยูทูป

HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542

 

การบุกรุกที่เกิดขึ้นจากการใช้ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลมีลักษณะให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎระเบียบตามความต้องการของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง   บุคคลที่ใช้กลยุทธ์ทางวิศวกรรมทางสังคมมักต้องการใช้ความสัมพันธ์ส่วนบุคคล

สร้างสิทธิพิเศษในการเรียกใช้ระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบการทำงานหลักขององค์กรได้การบุกรุกระบบเครือข่ายสารสนเทศเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ

 

กล้องวงจรปิดโดนแฮก

Hikvsion WiFi cctv

 

มีหลากหลายวิธีซึ่งแต่ละวิธีได้สร้างความเสียหายที่แตกต่างกันรวมถึงการนำไปสู่วิธีการป้องกันระบบเครือข่ายที่แตกต่างกันอีกด้วย  รูปแบบของการบุกรุกเครือข่ายเพื่อทำลายความลับหรือทำลายเนื้อหาของสารสนเทศที่มีอยู่

ให้มีการเปลี่ยนแปลงหรือสูญเสียความจริงไปจากเดิม  ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใช้งานเครือข่ายในที่สุด  มีช่องทางหลากหลายรูปแบบคือการทำลายข้อมูลสารสนเทศบนเครือข่ายโดยแฮ็กเกอร์และแคร็กเกอร์  รวมถึงการทำงายโดยการใช้มัลแวร์ประเภทต่าง  ๆ  ดังนี้

แฮ็กเกอร์  และแคร็กเกอร์

ผู้โจมตีบุกรุกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กรต่าง  ๆ  ด้วยวิธีลักลอบหรือไม่ได้รับอนุญาตเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยผ่านระบบการควบคุมขององค์กรอย่างผิดกฏหมาย   ความบกพร่องในระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กร 

การลักลอบเข้าสู่ระบบเครือข่ายของผู้บุกรุกมักทำการโดยส่งโปรแกรมการบุกรุกเข้าสู่พอร์ตการสื่อสารของระบบที่เปิดไว้แต่ไม่มีการใช้งานในขณะนั้น  

 

สอบถามข้อมูล  สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

Line: @cctvbangkok.com
ติดต่อทางเมลส์
ติดต่อเฟสบุค
ติดต่อยูทูป

HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542

 

ความแตกต่างของแฮ็กเกอร์ และ แคร็กเกอร์ 

   แฮ็กเกอร์  ผู้ที่มีความสนใจในการทำงานของระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์หรือระบบเครือข่าย   ส่วนแคร็กเกอร์จะมีความรู้อยู่ในขั้นสูงจึงสามารถหาจุดอ่อนภายในระบบและที่มาของจุดอ่อนเหล่านั้น  

นำมาซึ่งวิธีการปิดช่องโหว่ของระบบเครือข่าย  แฮ็กเกอร์จะต้องไม่ทำลายข้อมูลโดยมีเจตนนาในขณะที่แคร็กเกอร์จะเป็นบุคคลที่มีเจตนามุ่งร้ายในการบุกรุกและอาจนำสารสนเทศขององค์กรเปิดเผยสู่ภายนอก  

หรือทำลายข้อมูลขององค์กรให้เกิดความเสียหาย  แคร็กเกอร์อาจจะเป็นผู้ที่ไม่มีความสามารถหรือผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์แต่ได้ใช้โปรแกรมอื่นๆ   เพื่อสนองเจตนาในการบุกรุกระบบคอมพิวเตอร์  

การบุกรุกของแคร็กเกอร์นั้นเป็นอันตรายต่อองค์กรอย่างแท้จริง ที่จะต้องมีกล้องวงจรปิดเข้ามาช่วย

 

สอบถามข้อมูล  สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

Line: @cctvbangkok.com
ติดต่อทางเมลส์
ติดต่อเฟสบุค
ติดต่อยูทูป

HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542

 

มัลแวร์

ซอฟต์แวร์ที่ถูกออกแบบด้วยวัถตุประสงค์เพื่อสร้างความเสียหายแก่เครื่องคอมพิวเตอร์หรือระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์   และซอฟต์แวร์นี้มีความสามารถในการเคลื่อนที่จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปสู่อีกเครื่องหนึ่งได้

หรือจากเครือข่ายหนึ่งไปสู่อีกเครือข่ายได้โดยอาศัยสื่อหรือไม่อาศัยสื่อในการเคลื่อนย้ายตัวเอง  มัลแวร์สามารถทำให้ระบบคอมพิวเตอร์เกิดความเสียหายหลายอย่าง 

และนอกจากนี้เครื่องที่ติดมัลแวร์จะถูกใช้เป็นศูนย์กลางในการกระจายตัวมัลแวร์ไปสู่เครื่องคอมพิวเตอร์หรือระบบเครือข่ายอื่น  ๆ  ที่มีการเชื่อมต่อกับเครื่องที่ติดมัลแวร์  

แม้ว่ามัลแวร์มีความสามารถในการทำลายล้างข้อมูลสารสนเทศในเครื่องคอมพิวเตอร์รวมถึงเครือข่ายที่หลากหลาย   แต่รูปแบบการทำลายข้อมูลสารสนเทศนั้นจะมีการทำลายโดยมัลแวร์ที่แตกต่างประเภทกันดังนี้

 

สอบถามข้อมูล  สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

Line: @cctvbangkok.com
ติดต่อทางเมลส์
ติดต่อเฟสบุค
ติดต่อยูทูป

HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542

 

ไวรัสคอมพิวเตอร์      

โดยทั่วไปของไวรัสคอมพิวเตอร์เป็นโปรแกรมที่สามารถสำเนาตัวเองและสามารถแทรกตัวของมันสู่โปรแกรมได้   การแทรกตัวของไวรัสต้องอาศัยมนุษย์ช่วยในการกระจายตัวไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น 

 ลักษณะเด่นของไวรัสคอมพิวเตอร์คือโปรแกรมไวรัสจะไม่มีความสามารถในการดำเนินการใด  ๆ  บนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ด้วยตัวเอง  ด้วยเหตุนี้โปรแกรมไวรัสคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องอาศัย

การเกาะติดกับไฟล์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่นเพื่อให้ส่วนโปรแกรมไวรัสสามารถดำเนินการได้     คุณสมบัติของไฟล์ที่ไวรัสสามารถเกาะติดได้ต้องมีคำสั่งในการประมวลผล  รูปแบบการติดต่อของไวรัสคอมพิวเตอร์มีดังนี้

  1. การติดต่อโดยอาศัยไฟล์ประเภททำงานได้ตามมาตรฐาน 
          
  2. การติดต่อโปรแกรมที่บูตเซกเตอร์

  3. การติดต่อบนไฟล์เอกสารที่แนบเเมโคร

 

สอบถามข้อมูล  สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

Line: @cctvbangkok.com
ติดต่อทางเมลส์
ติดต่อเฟสบุค
ติดต่อยูทูป

HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542

 

หนอนคอมพิวเตอร์     

โปรแกรมที่สามารถสำเนาตัวเองได้และแพร่กระจายผ่านระบบเครือข่ายโดยไม่ต้องอาศัยมนุษย์ในการแพร่กระจาย   หนอนคอมพิวเตอร์เป็นมัลแวร์ที่เป็นอันตรายต่อระบบคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย 

ในบรรดามัลแวร์ทุกประเภทที่มีอยู่สามารถพูดได้ว่าหนอนคอมพิวเตอร์สามารถกระจายความเสียหายต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้เร็วที่สุด   ผู้บุกรุกเลือกใช้หนอนคอมพิวเตอร์ในการโจมตีระบบเครือข่าย 

เนื่อจากหนอนคอมพิวเตอร์มีความสามารถสูงในการโจมตีระบบเครือข่ายใหญ่  ๆ   จากความสามารถในการแพร่กระจายตัวที่รวดเร็ว  โดยจะช่วยผู้บุกรุกในการบรรลุถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

เป้าหมายของผู้บุกรุกที่มีการใช้หนอนคอมพิวเตอร์ในการเข้าสู่ระบบเครือข่ายมีดังนี้

  1. เป้าหมายในการเข้าควบคุมระบบเป้าหมายที่มีขนาดใหญ่

  2. เป้าหมายในการป้องกันการสืบย้อนกลับของผู้ควบคุมระบบ

  3. เป้าหมายเพื่อการขยายขอบเขตของความเสียหายให้มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

สอบถามข้อมูล  สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

Line: @cctvbangkok.com
ติดต่อทางเมลส์
ติดต่อเฟสบุค
ติดต่อยูทูป

HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542

 

แบ็กดอร์

โปรแกรมที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้บุกรุกสามารถผ่านระบบรักษาความปลอดภัยของเครื่องคอมพิวเตอร์   และเข้าควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นเป้าหมายได้  แบ็กดอร์สามารถแบ่งออกได้เป็น  4  ประเภทตามลักษณะการให้สิทธิ์ผู้บุกรุกในการเข้าควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นเป้าหมมาย  ดังนี้

  1. การเพิ่มสิทธิ์พิเศษภายในระบบการทำงาน

  2. การใช้คำสั่งแต่ละครั้งเพื่อการประมวลผลทางไกล

  3. การเข้าถึงเครื่องจากทางไกลด้วยการสั่งแบบรายคำสั่ง

  4. การควบคุมส่วนต่อประสานกราฟฟิกจากทางไกล

สอบถามข้อมูล  สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

Line: @cctvbangkok.com
ติดต่อทางเมลส์
ติดต่อเฟสบุค
ติดต่อยูทูป

HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542

 

ม้าโทรจัน

การบุกรุกเข้าสู่ระบบของม้าโทรจันเป็นการซ่อนตัวโดยระบบที่เป็นเป้าหมายจะไม่รับรู้ถึงอันตรายของโปรแกรมม้าโทรจันได้จนกว่าโปรแกรมที่ซ่อนตัวจะทำงานจึงกล่าวได้ว่าม้าโทรจัน

เป็นโปรแกรมที่มองดูจากภายนอกแล้วจะไม่มีความเป็นอันตรายต่อระบบและอาจก่อให้เกิดประโยชน์ทางใดทางหนึ่งต่อระบบได้ด้วย แต่ในความเป็นจริงโปรแกรมนี้จะมีการซ่อนคำสั่งเพื่อการบุกรุกต่อเครื่องเป้าหมายที่อันตายไว้ภายใน   

ผู้ใช้เครื่องหรือผู้ดูแลระบบอาจเกิดความสับสนระหว่างการบุกรุกโดยม้าโทรจัน  และแบ็กดอร์ได้   แต่มัลแวร์ทั้ง  2  ประเภทนี้มีลักษณะต่างกันตามที่ได้กล่าวไว้ 

แต่แบ็กดอร์อาจถูกฝังไว้ในม้าโทรจันเพื่อช่วยในการหลอกผู้ใช้ให้ติดตั้งแบ็กดอร์ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่รู้ตัว และวิธีม้าโทรจันใช้ในการหลบซ่อนการตรวจจับมีหลายวิธี  และที่นิยมใช้เพื่อหลบซ่อนการตรวจจับมีดังนี้

  1. ตั้งชื่อเพื่อหลอกผู้ใช้

  2. การใช้แวร์พสตาร์

สอบถามข้อมูล  สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

Line: @cctvbangkok.com
ติดต่อทางเมลส์
ติดต่อเฟสบุค
ติดต่อยูทูป

HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542

 

สปายแวร์

โปรแกรมที่รวบรวมข้อมูลของผู้ใช้งานอย่างลับ  ๆ   และส่งข้อมูลที่รวบรวมไปสู่บุคคลที่สาม  ข้อมูลนี้รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลด้วย   การติดตั้งสปายแวร์บางประเภทอาจเกิดขึ้นจากนโยบายของผู้บริหารองค์กรได้ 

สปายแวร์ไม่สามารถสร้างตัวเองขึ้นใหม่ได้แต่สามารถถูกนำไปใส่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านทางหนอนคอมพิวเตอร์โดยใส่คำสั่งของสปายแวร์เข้าไปในส่วนข้อมูล 

คุณสมบัตินี้เป็นความแตกต่างระหว่างสปายแวร์กับไวรัสและหนอนคอมพิวเตอร์ที่ชัดเจน   สปายแวร์บางประเภทใช้วิธีพัฒนาให้หอยู่ในรูปแบบของรูทคิด  เพื่อป้องกันการตรวจจับและการลบออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย  

สปายแวร์มีหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้เพื่อส่งสู่บุคคลที่สาม  การทำงานของสปายแวร์ยังสามารถรบกวนการทำงานของผู้ใช้งานบนเครื่องที่ติดได้อีกด้วย  

และรวมถึงความสามารถของสปายแวร์ในการสั่งประมวลผลพิเศษบางประการที่ส่งผลให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง   สปายแวร์ฝังตัวลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ใดก็ตาม  เครื่องนั้น  ๆ  อาจมีรูปแบบการทำงานที่ผิดปกติดังนี้

  1. ประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ลดลง

  2. การทำงานของโปรแกรมบางชนิดเกิดการค้าง หรือปลุกไม่ขึ้น

  3. การทำงานของโปรแกรมบนระบบเครือข่ายไม่ปกติ โดยเฉพาะโปรแกรมประเภทเว็บเบราว์เซอร์

  4. การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นเกิดปัญหา

  5. โปรอกรมแสดงหน้าต่างแบบผุดขึ้น โดยไม่ได้รับอนุญาต  หรือโดยไม่เหมาะสมกับสถานการณ์

สอบถามข้อมูล  สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

Line: @cctvbangkok.com
ติดต่อทางเมลส์
ติดต่อเฟสบุค
ติดต่อยูทูป

HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542

 

แอดแวร์

                โปรแกรมที่แอบใช้ประโยชน์หรือทำงานจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต   แอดแวร์ยังทำหน้าที่เล่น  แสดง  หรือดาวน์โหลดโฆษณามายังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่แอดแวร์ติดตั้งอยู่โดยอัตโนมัติ  

แม้ว่าแอดแวร์ที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะได้รับมักมาจาการเรียกเว็บไซต์  แต่แอดแวร์บางประเภทยังมีลักษณะเป็นมัลแวร์ด้วย   ลักษณะของเครื่องที่ติดแอดแวร์มีลักษณะเหมือนกับเครื่องที่ติดมัลแวร์ประเภทอื่น 

โดยเฉพาะสปายแวร์  แต่ลักษณะที่โดดเด่นของแอดแวร์  คือ  การแสดงโฆษณาทุกครั้งที่แอดแวร์ทำงาน   การติดแอดแวร์มาจากการเข้าเว็บไซต์บางประเภทของผู้ใช้งาน   การป้องกันแอดแวร์สามารถทำได้ง่ายเพียงผู้ใช้งานควบคุมพฤติกรรมการทำงานของตนเอง

วิธีการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายและสารสนเทศ

การทำงานของระบบเครือข่ายและสารสนเทศสามารถถูกทำลายได้จากหลากหลายปัจจัย    การควบคุมระบบเครือข่ายและสารสนเทศเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต้องพิจารณาใน  3  ประเด็น  คือ  การควบคุมเชิงกายภาพ 

การควบคุมเชิงตรรกะ  และการควบคุมการบริหาร    แม้ระบบเครือข่ายและสารสนเทศจะมีระบบการป้องกันความเสียหายและการบุกรุกจากผู้ไม่มีสิทธิ์ก็ตาม  แต่การป้องกันไม่สามารถสร้างความถูกต้องให้เกิดขึ้นกับสารสนเทศได้โดยตรง 

หากจะสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้ระบบสารสนเทศบนเครือข่ายว่าจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลงโดยผู้ไม่มีสิทธิ์หรืออุบัติเหตุ  เป็นการสร้างความถูกต้องให้แก่สารสนเทศโดยอ้อม  วิธีเหล่านี้เป็นวิธีที่สร้างความเป็นบูรณภาพให้แก่สารสนเทศบนเครือข่ายให้เกิดขึ้น

 

สอบถามข้อมูล  สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

Line: @cctvbangkok.com
ติดต่อทางเมลส์
ติดต่อเฟสบุค
ติดต่อยูทูป

HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542

 

การควบคุมเชิงกายภาพ

การควบคุมการเข้าถึงสารสนเทศจากผู้บุกรุกรวมถึงการควบคุมป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดจากภัยธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์และเทคโนโลยี

การควบคุมและป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดจากภัยธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์ในการควบคุมเชิงกายภาพเป็นการควบคุมที่ง่ายที่สุดคือ

  1. ผู้ดูแลระบบสารสนเทศบนเครือข่ายควรดำเนินการสำเนาสารสนเทศและเก็บในสถานที่แตกต่างจากแหล่งเก็บข้อมูลต้นฉบับ เมื่อเกิดภัยธรรมชาติหรือเกิดความเสียหายต่อสารสนเทศบนเครือข่าย  ผู้ดูแลระบบจะสามารถกู้สารสนเทศ

  2. องค์กรควรสร้างหรือห้องเก็บระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศในสถานที่ที่ปลอดภัยจากสภาวะความร้อนจัด น้ำท่วม  และแผ่นดินไหว

  3. การป้องกันโดยการควบคุมผู้ไม่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงคอมพิวเตอร์และสารสนเทศด้วยการติดตั้งกล้องวงจรปิดและหมั่นตรวจสอบการทำงานของระบบความปลอดภัยอยู่เสมอ

  4. การควบคุมระบบการส่งกระแสไฟสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้ระบบการทำงานสามารถดำเนินไปได้อย่างปกติ องค์กรจึงจำเป็นิดขต้องมีระบบป้องกันสภาวะไฟตกเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายของระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ

  5. องค์กรควรตั้งระบบคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากสถานที่หรืออุปกรณ์ที่สามารถปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถสร้างความเสียหายแก่ข้อมูลที่ส่งบนเครือข่ายได้โดยตรง

  6. องค์กรควรจำลองระบบคอมพิวเตอร์ที่มีระบบความปลอดภัยน้อยให้ทำหน้าที่เป็นตัวล่อ วิธีนี้เป็นการสร้างกับดักไว้ดึงดูดผู้บุกรุกที่เข้ามาในระบบ 

    ได้สามารถบันทึกพฤติกรรมของผู้บุกรุกไว้เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการบุกรุกที่เกิดขึ้น  ส่งผลให้ผู้ดูแลระบบสามารถระบุถึงรูปแบบการบุกรุกของเหล่าแฮ็กเกอร์ได้มากขึ้น  วิธีนี้ถือเป็นการตรวจตราอีกประการหนึ่ง

สอบถามข้อมูล  สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

Line: @cctvbangkok.com
ติดต่อทางเมลส์
ติดต่อเฟสบุค
ติดต่อยูทูป

HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542

 

สิ่งที่ควรทำหลังจากกล้องวงจรปิดโอนแฮ็ก เข้าระบบของเรา

1. เปลี่ยนรหัสผ่าน  ทำนี้เป็นขั้นตอนแรก เปลี่ยนรหัสผ่านทั้งของกล้องและเราท์เตอร์ของคุณ เลือกรหัสที่แข็งแกร่งและไม่ซ้ำกับรหัสผ่านอื่นๆ ที่คุณใช้งาน.

2. ตรวจสอบและอัปเดตเฟิร์มแวร์  ตรวจสอบว่ากล้องของคุณใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันล่าสุด เพื่อป้องกันช่องโหว่.

3. ตั้งค่า Two-Factor Authentication (2FA)  การตั้งค่า 2FA จะเพิ่มระดับความปลอดภัยโดยการต้องการรหัสยืนยันที่ส่งไปยังโทรศัพท์หรืออีเมลของคุณเมื่อมีการเข้าสู่ระบบ.

4. ตรวจสอบความผิดปกติในการเข้าถึงระบบ  ตรวจสอบประวัติการเข้าถึงกล้องเป็นประจำ หากพบกิจกรรมที่ผิดปกติให้เปลี่ยนรหัสผ่านทันที.

5. จำกัดการเข้าถึงกล้อง  จำกัดการเข้าถึงกล้องให้เฉพาะอุปกรณ์ที่ไว้วางใจ เช่น สมาร์ทโฟนส่วนตัวหรือคอมพิวเตอร์ของคุณ.

6. ติดตั้ง Firewall และซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส  Firewall และซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสช่วยป้องกันการโจมตีจากอินเทอร์เน็ต.

7. เลือกอุปกรณ์ IoT อย่างรอบคอบ  บางครั้งกล้องวงจรปิด IoT อาจมีช่องโหว่ ควรเลือกผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงด้านความปลอดภัย.

8. ใช้การเข้ารหัส end-to-end  การเข้ารหัส end-to-end ในกล้องจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้อื่นสามารถดูภาพได้.

9. หากสงสัยว่าถูกแฮ็ก  ถอดปลั๊กกล้องออกจากไฟ และติดต่อผู้ผลิตและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น.

10. ใช้บริการติดตั้งมืออาชีพ  การติดตั้งโดยมืออาชีพสามารถลดความเสี่ยงของการตั้งค่าที่ผิดพลาด.

 

 

Related link :  รั้วไฟฟ้ากันขโมย   สัญญาณกันขโมย

คำถามที่พบบ่อย  กล้องวงจรปิดโอนแฮ็ก มือใหม่ใช้กล้องวงจรปิด

1. กล้องวงจรปิดของฉันสามารถถูกแฮ็กได้ไหม?

  • ใช่ หากไม่มีมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม กล้องวงจรปิดสามารถถูกแฮ็กได้

2. อะไรทำให้กล้องวงจรปิดถูกแฮ็ก?

  • การใช้รหัสผ่านที่อ่อนแอ, การไม่อัปเดตซอฟต์แวร์, ช่องโหว่ของซอฟต์แวร์ และการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย

3. ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่ากล้องถูกแฮ็ก?

  • สัญญาณเช่น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของกล้อง, การเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต, หรือประสิทธิภาพที่ลดลง

4. ฉันควรทำอย่างไรเมื่อกล้องถูกแฮ็ก?

  • เปลี่ยนรหัสผ่านทันที, ตัดการเชื่อมต่อกล้องจากเครือข่าย และติดต่อผู้ผลิตหรือผู้เชี่ยวชาญ

5. วิธีป้องกันกล้องวงจรปิดไม่ให้ถูกแฮ็กคืออะไร?

  • ใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่ง, อัปเดตซอฟต์แวร์เป็นประจำ, ใช้การเชื่อมต่อที่ปลอดภัย, และจำกัดการเข้าถึง

6. การใช้ Wi-Fi สาธารณะกับกล้องวงจรปิดปลอดภัยไหม?

  • ไม่แนะนำ เนื่องจาก Wi-Fi สาธารณะมักไม่ปลอดภัยและอาจทำให้เกิดช่องโหว่

7. การเข้ารหัสการเชื่อมต่อเครือข่ายมีความสำคัญอย่างไร?

  • การเข้ารหัสช่วยป้องกันการดักจับข้อมูลและป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

8. การใช้กล้องวงจรปิดที่มีมาตรฐานสากลมีความสำคัญไหม?

  • มีความสำคัญ เนื่องจากมาตรฐานสากลช่วยรับประกันความปลอดภัยและความเชื่อถือได้ของอุปกรณ์

9. การทำเฟิร์มแวร์และซอฟต์แวร์อัปเดตสำคัญอย่างไร?

  • ช่วยปิดช่องโหว่ของความปลอดภัยและป้องกันการโจมตีจากมัลแวร์

10. ฉันควรจำกัดการเข้าถึงกล้องวงจรปิดไหม?

  • ใช่ การจำกัดการเข้าถึงเฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตช่วยลดความเสี่ยงของการถูกแฮ็ก

 

การรับมือกับเหตุการณ์การถูกแฮ็กกล้องวงจรปิดควรปฏิบัติอย่างระมัดระวังและให้ความสำคัญกับการป้องกัน.

 

สอบถามข้อมูล  สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

Line: @cctvbangkok.com
ติดต่อทางเมลส์
ติดต่อเฟสบุค
ติดต่อยูทูป

HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *