กล้องวงจรปิดโดนแฮก การแฮ็กกล้องวงจรปิดเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งผู้ไม่ประสงค์ดีหรือแฮ็กเกอร์พยายามเข้าถึงและควบคุมกล้องวงจรปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต
การแฮ็กกล้องวงจรปิดสามารถเกิดขึ้นได้หลายวิธี เช่น การใช้รหัสผ่านที่อ่อนแอ, การโจมตีระบบเครือข่าย, หรือการใช้ช่องโหว่ของซอฟต์แวร์
เมื่อกล้องวงจรปิดถูกแฮ็ก ผู้ไม่ประสงค์ดีอาจสามารถดูหรือบันทึกวิดีโอสด แก้ไขการตั้งค่ากล้อง หรือแม้แต่ใช้กล้องเพื่อกระทำการที่เป็นอันตรายต่อเครือข่ายหรือสิ่งแวดล้อมที่กล้องนั้นติดตั้งอยู่
การป้องกันการแฮ็กกล้องวงจรปิดรวมถึงการใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่งและเปลี่ยนแปลงเป็นประจำ, การอัปเดตซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์เป็นประจำ, การเข้ารหัสการเชื่อมต่อเครือข่าย
และการตรวจสอบเครือข่ายสำหรับกิจกรรมที่ผิดปกติ การใช้กล้องจากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงและการใช้งานอุปกรณ์เครือข่ายที่มีความปลอดภัยสูงก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน.
มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้งานควรระมัดระวัง นี่คือ 10 เหตุการณ์ที่กล้องวงจรปิดอาจถูกแฮ็ก พร้อมวิธีรับมือ
1. รหัสผ่านที่อ่อนแอ การใช้รหัสผ่านที่ง่ายหรือซ้ำกันทำให้แฮ็กเกอร์เข้าถึงได้ง่าย ควรใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและเปลี่ยนบ่อยๆ
2. ไม่อัปเดตซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัยอาจมีช่องโหว่ ควรตรวจสอบและอัปเดตซอฟต์แวร์เป็นประจำ
3. การใช้งานผ่าน Wi-Fi ไม่ปลอดภัย Wi-Fi ที่ไม่มีการเข้ารหัสอาจทำให้แฮ็กเกอร์เข้าถึงข้อมูลได้ ใช้ Wi-Fi ที่มีการเข้ารหัส
4. การเข้าถึงจากระยะไกลโดยไม่ปลอดภัย การเข้าถึงกล้องจากระยะไกลโดยไม่มีการเข้ารหัสทำให้ข้อมูลไหลออกได้ ใช้ VPN หรือเข้ารหัสการเชื่อมต่อ
5. ช่องโหว่ของฮาร์ดแวร์ อุปกรณ์บางชนิดอาจมีช่องโหว่จากโรงงาน ควรเลือกซื้อจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ
6. การโจมตีแบบ Man-in-the-Middle แฮ็กเกอร์สามารถดักจับข้อมูลระหว่างกล้องกับเครือข่าย ใช้การเข้ารหัสและการตรวจสอบเครือข่ายเป็นประจำ
7. การใช้ระบบปฏิบัติการที่ล้าสมัย ระบบปฏิบัติการเก่าอาจมีช่องโหว่ ควรอัปเดตระบบปฏิบัติการเสมอ
8. การโจมตีจากบอทเน็ต กล้องที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอาจถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของบอทเน็ต ใช้เฟิร์มแวร์และซอฟต์แวร์ที่เชื่อถือได้
9. การตั้งค่าไม่ปลอดภัย การตั้งค่าที่ผิดพลาดหรือไม่ปลอดภัยทำให้แฮ็กเกอร์เข้าถึงได้ง่าย ตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยอย่างละเอียด
10. การใช้กล้องที่ไม่มีการรับรอง กล้องที่ไม่ได้รับการรับรองอาจมีความเสี่ยงต่อการแฮ็ก ให้ความสำคัญกับการรับรองความปลอดภัยของอุปกรณ์
การให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมถึงการปรับตั้งค่าความปลอดภัยอย่างถูกต้อง จะช่วยป้องกันกล้องวงจรปิดของคุณจากการถูกแฮ็กได้.
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
การแฮ็กกล้องวงจรปิดสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และมีเหตุการณ์หลายรายการที่เป็นตัวอย่างชัดเจน
1. Ring Security Cameras: บริษัท Ring ถูกกล่าวหาว่าอนุญาตให้พนักงานและผู้รับเหมาเข้าถึงวิดีโอส่วนตัวของลูกค้า ซึ่งทำให้แฮ็กเกอร์สามารถควบคุมกล้องผู้ใช้ได้. Link อ้างอิง
2. Dahua IP Cameras: มีการค้นพบช่องโหว่ในกล้อง Dahua IP ที่ทำให้แฮ็กเกอร์สามารถเพิ่มบัญชีผู้ดูแลระบบที่มีสิทธิ์สูงสุดและเข้าถึงกล้องดูภาพถ่ายสดได้. Link อ้างอิง
3. Ring Security Cameras Livestream Hack: มีการฟ้องร้องเกี่ยวกับการแฮ็กกล้อง Ring เพื่อถ่ายทอดสดกิจกรรมที่เป็นการล้อเลียน (swattings). Link อ้างอิง
เพื่อรับมือกับการแฮ็กกล้องวงจรปิด คุณควรทำตามวิธีการต่อไปนี้
1. เปลี่ยนรหัสผ่านอย่างสม่ำเสมอ ใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่งและเปลี่ยนบ่อยๆ
2. อัปเดตซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์ ให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์ของกล้องวงจรปิดเป็นเวอร์ชันล่าสุด
3. เฝ้าระวังสัญญาณของการถูกแฮ็ก สังเกตการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของกล้อง เช่น การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติหรือการตั้งค่าที่เปลี่ยนแปลง
4. ใช้การเชื่อมต่อที่ปลอดภัย เช่น การใช้ VPN และการเข้ารหัสการเชื่อมต่อ Wi-Fi
5. ตรวจสอบเครือข่าย ตรวจสอบเครือข่ายของคุณเป็นประจำเพื่อหากิจกรรมที่ผิดปกติ
6. จำกัดการเข้าถึง ตั้งค่าการเข้าถึงกล้องเฉพาะบุคคลหรืออุปกรณ์ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
การดำเนินการเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยของกล้องวงจรปิดและลดความเสี่ยงของการถูกแฮ็ก.
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
การบุกรุกที่เกิดขึ้นจากการใช้ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลมีลักษณะให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎระเบียบตามความต้องการของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง บุคคลที่ใช้กลยุทธ์ทางวิศวกรรมทางสังคมมักต้องการใช้ความสัมพันธ์ส่วนบุคคล
สร้างสิทธิพิเศษในการเรียกใช้ระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบการทำงานหลักขององค์กรได้การบุกรุกระบบเครือข่ายสารสนเทศเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ
กล้องวงจรปิดโดนแฮก
มีหลากหลายวิธีซึ่งแต่ละวิธีได้สร้างความเสียหายที่แตกต่างกันรวมถึงการนำไปสู่วิธีการป้องกันระบบเครือข่ายที่แตกต่างกันอีกด้วย รูปแบบของการบุกรุกเครือข่ายเพื่อทำลายความลับหรือทำลายเนื้อหาของสารสนเทศที่มีอยู่
ให้มีการเปลี่ยนแปลงหรือสูญเสียความจริงไปจากเดิม ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใช้งานเครือข่ายในที่สุด มีช่องทางหลากหลายรูปแบบคือการทำลายข้อมูลสารสนเทศบนเครือข่ายโดยแฮ็กเกอร์และแคร็กเกอร์ รวมถึงการทำงายโดยการใช้มัลแวร์ประเภทต่าง ๆ ดังนี้
แฮ็กเกอร์ และแคร็กเกอร์
ผู้โจมตีบุกรุกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กรต่าง ๆ ด้วยวิธีลักลอบหรือไม่ได้รับอนุญาตเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยผ่านระบบการควบคุมขององค์กรอย่างผิดกฏหมาย ความบกพร่องในระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กร
การลักลอบเข้าสู่ระบบเครือข่ายของผู้บุกรุกมักทำการโดยส่งโปรแกรมการบุกรุกเข้าสู่พอร์ตการสื่อสารของระบบที่เปิดไว้แต่ไม่มีการใช้งานในขณะนั้น
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
ความแตกต่างของแฮ็กเกอร์ และ แคร็กเกอร์
แฮ็กเกอร์ ผู้ที่มีความสนใจในการทำงานของระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์หรือระบบเครือข่าย ส่วนแคร็กเกอร์จะมีความรู้อยู่ในขั้นสูงจึงสามารถหาจุดอ่อนภายในระบบและที่มาของจุดอ่อนเหล่านั้น
นำมาซึ่งวิธีการปิดช่องโหว่ของระบบเครือข่าย แฮ็กเกอร์จะต้องไม่ทำลายข้อมูลโดยมีเจตนนาในขณะที่แคร็กเกอร์จะเป็นบุคคลที่มีเจตนามุ่งร้ายในการบุกรุกและอาจนำสารสนเทศขององค์กรเปิดเผยสู่ภายนอก
หรือทำลายข้อมูลขององค์กรให้เกิดความเสียหาย แคร็กเกอร์อาจจะเป็นผู้ที่ไม่มีความสามารถหรือผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์แต่ได้ใช้โปรแกรมอื่นๆ เพื่อสนองเจตนาในการบุกรุกระบบคอมพิวเตอร์
การบุกรุกของแคร็กเกอร์นั้นเป็นอันตรายต่อองค์กรอย่างแท้จริง ที่จะต้องมีกล้องวงจรปิดเข้ามาช่วย
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
มัลแวร์
ซอฟต์แวร์ที่ถูกออกแบบด้วยวัถตุประสงค์เพื่อสร้างความเสียหายแก่เครื่องคอมพิวเตอร์หรือระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และซอฟต์แวร์นี้มีความสามารถในการเคลื่อนที่จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปสู่อีกเครื่องหนึ่งได้
หรือจากเครือข่ายหนึ่งไปสู่อีกเครือข่ายได้โดยอาศัยสื่อหรือไม่อาศัยสื่อในการเคลื่อนย้ายตัวเอง มัลแวร์สามารถทำให้ระบบคอมพิวเตอร์เกิดความเสียหายหลายอย่าง
และนอกจากนี้เครื่องที่ติดมัลแวร์จะถูกใช้เป็นศูนย์กลางในการกระจายตัวมัลแวร์ไปสู่เครื่องคอมพิวเตอร์หรือระบบเครือข่ายอื่น ๆ ที่มีการเชื่อมต่อกับเครื่องที่ติดมัลแวร์
แม้ว่ามัลแวร์มีความสามารถในการทำลายล้างข้อมูลสารสนเทศในเครื่องคอมพิวเตอร์รวมถึงเครือข่ายที่หลากหลาย แต่รูปแบบการทำลายข้อมูลสารสนเทศนั้นจะมีการทำลายโดยมัลแวร์ที่แตกต่างประเภทกันดังนี้
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
ไวรัสคอมพิวเตอร์
โดยทั่วไปของไวรัสคอมพิวเตอร์เป็นโปรแกรมที่สามารถสำเนาตัวเองและสามารถแทรกตัวของมันสู่โปรแกรมได้ การแทรกตัวของไวรัสต้องอาศัยมนุษย์ช่วยในการกระจายตัวไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
ลักษณะเด่นของไวรัสคอมพิวเตอร์คือโปรแกรมไวรัสจะไม่มีความสามารถในการดำเนินการใด ๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ด้วยตัวเอง ด้วยเหตุนี้โปรแกรมไวรัสคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องอาศัย
การเกาะติดกับไฟล์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่นเพื่อให้ส่วนโปรแกรมไวรัสสามารถดำเนินการได้ คุณสมบัติของไฟล์ที่ไวรัสสามารถเกาะติดได้ต้องมีคำสั่งในการประมวลผล รูปแบบการติดต่อของไวรัสคอมพิวเตอร์มีดังนี้
- การติดต่อโดยอาศัยไฟล์ประเภททำงานได้ตามมาตรฐาน
- การติดต่อโปรแกรมที่บูตเซกเตอร์
- การติดต่อบนไฟล์เอกสารที่แนบเเมโคร
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
หนอนคอมพิวเตอร์
โปรแกรมที่สามารถสำเนาตัวเองได้และแพร่กระจายผ่านระบบเครือข่ายโดยไม่ต้องอาศัยมนุษย์ในการแพร่กระจาย หนอนคอมพิวเตอร์เป็นมัลแวร์ที่เป็นอันตรายต่อระบบคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย
ในบรรดามัลแวร์ทุกประเภทที่มีอยู่สามารถพูดได้ว่าหนอนคอมพิวเตอร์สามารถกระจายความเสียหายต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้เร็วที่สุด ผู้บุกรุกเลือกใช้หนอนคอมพิวเตอร์ในการโจมตีระบบเครือข่าย
เนื่อจากหนอนคอมพิวเตอร์มีความสามารถสูงในการโจมตีระบบเครือข่ายใหญ่ ๆ จากความสามารถในการแพร่กระจายตัวที่รวดเร็ว โดยจะช่วยผู้บุกรุกในการบรรลุถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้
เป้าหมายของผู้บุกรุกที่มีการใช้หนอนคอมพิวเตอร์ในการเข้าสู่ระบบเครือข่ายมีดังนี้
- เป้าหมายในการเข้าควบคุมระบบเป้าหมายที่มีขนาดใหญ่
- เป้าหมายในการป้องกันการสืบย้อนกลับของผู้ควบคุมระบบ
- เป้าหมายเพื่อการขยายขอบเขตของความเสียหายให้มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
แบ็กดอร์
โปรแกรมที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้บุกรุกสามารถผ่านระบบรักษาความปลอดภัยของเครื่องคอมพิวเตอร์ และเข้าควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นเป้าหมายได้ แบ็กดอร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทตามลักษณะการให้สิทธิ์ผู้บุกรุกในการเข้าควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นเป้าหมมาย ดังนี้
- การเพิ่มสิทธิ์พิเศษภายในระบบการทำงาน
- การใช้คำสั่งแต่ละครั้งเพื่อการประมวลผลทางไกล
- การเข้าถึงเครื่องจากทางไกลด้วยการสั่งแบบรายคำสั่ง
- การควบคุมส่วนต่อประสานกราฟฟิกจากทางไกล
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
ม้าโทรจัน
การบุกรุกเข้าสู่ระบบของม้าโทรจันเป็นการซ่อนตัวโดยระบบที่เป็นเป้าหมายจะไม่รับรู้ถึงอันตรายของโปรแกรมม้าโทรจันได้จนกว่าโปรแกรมที่ซ่อนตัวจะทำงานจึงกล่าวได้ว่าม้าโทรจัน
เป็นโปรแกรมที่มองดูจากภายนอกแล้วจะไม่มีความเป็นอันตรายต่อระบบและอาจก่อให้เกิดประโยชน์ทางใดทางหนึ่งต่อระบบได้ด้วย แต่ในความเป็นจริงโปรแกรมนี้จะมีการซ่อนคำสั่งเพื่อการบุกรุกต่อเครื่องเป้าหมายที่อันตายไว้ภายใน
ผู้ใช้เครื่องหรือผู้ดูแลระบบอาจเกิดความสับสนระหว่างการบุกรุกโดยม้าโทรจัน และแบ็กดอร์ได้ แต่มัลแวร์ทั้ง 2 ประเภทนี้มีลักษณะต่างกันตามที่ได้กล่าวไว้
แต่แบ็กดอร์อาจถูกฝังไว้ในม้าโทรจันเพื่อช่วยในการหลอกผู้ใช้ให้ติดตั้งแบ็กดอร์ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่รู้ตัว และวิธีม้าโทรจันใช้ในการหลบซ่อนการตรวจจับมีหลายวิธี และที่นิยมใช้เพื่อหลบซ่อนการตรวจจับมีดังนี้
- ตั้งชื่อเพื่อหลอกผู้ใช้
- การใช้แวร์พสตาร์
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
สปายแวร์
โปรแกรมที่รวบรวมข้อมูลของผู้ใช้งานอย่างลับ ๆ และส่งข้อมูลที่รวบรวมไปสู่บุคคลที่สาม ข้อมูลนี้รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลด้วย การติดตั้งสปายแวร์บางประเภทอาจเกิดขึ้นจากนโยบายของผู้บริหารองค์กรได้
สปายแวร์ไม่สามารถสร้างตัวเองขึ้นใหม่ได้แต่สามารถถูกนำไปใส่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านทางหนอนคอมพิวเตอร์โดยใส่คำสั่งของสปายแวร์เข้าไปในส่วนข้อมูล
คุณสมบัตินี้เป็นความแตกต่างระหว่างสปายแวร์กับไวรัสและหนอนคอมพิวเตอร์ที่ชัดเจน สปายแวร์บางประเภทใช้วิธีพัฒนาให้หอยู่ในรูปแบบของรูทคิด เพื่อป้องกันการตรวจจับและการลบออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย
สปายแวร์มีหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้เพื่อส่งสู่บุคคลที่สาม การทำงานของสปายแวร์ยังสามารถรบกวนการทำงานของผู้ใช้งานบนเครื่องที่ติดได้อีกด้วย
และรวมถึงความสามารถของสปายแวร์ในการสั่งประมวลผลพิเศษบางประการที่ส่งผลให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง สปายแวร์ฝังตัวลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ใดก็ตาม เครื่องนั้น ๆ อาจมีรูปแบบการทำงานที่ผิดปกติดังนี้
- ประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ลดลง
- การทำงานของโปรแกรมบางชนิดเกิดการค้าง หรือปลุกไม่ขึ้น
- การทำงานของโปรแกรมบนระบบเครือข่ายไม่ปกติ โดยเฉพาะโปรแกรมประเภทเว็บเบราว์เซอร์
- การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นเกิดปัญหา
- โปรอกรมแสดงหน้าต่างแบบผุดขึ้น โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือโดยไม่เหมาะสมกับสถานการณ์
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
แอดแวร์
โปรแกรมที่แอบใช้ประโยชน์หรือทำงานจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต แอดแวร์ยังทำหน้าที่เล่น แสดง หรือดาวน์โหลดโฆษณามายังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่แอดแวร์ติดตั้งอยู่โดยอัตโนมัติ
แม้ว่าแอดแวร์ที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะได้รับมักมาจาการเรียกเว็บไซต์ แต่แอดแวร์บางประเภทยังมีลักษณะเป็นมัลแวร์ด้วย ลักษณะของเครื่องที่ติดแอดแวร์มีลักษณะเหมือนกับเครื่องที่ติดมัลแวร์ประเภทอื่น
โดยเฉพาะสปายแวร์ แต่ลักษณะที่โดดเด่นของแอดแวร์ คือ การแสดงโฆษณาทุกครั้งที่แอดแวร์ทำงาน การติดแอดแวร์มาจากการเข้าเว็บไซต์บางประเภทของผู้ใช้งาน การป้องกันแอดแวร์สามารถทำได้ง่ายเพียงผู้ใช้งานควบคุมพฤติกรรมการทำงานของตนเอง
วิธีการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายและสารสนเทศ
การทำงานของระบบเครือข่ายและสารสนเทศสามารถถูกทำลายได้จากหลากหลายปัจจัย การควบคุมระบบเครือข่ายและสารสนเทศเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต้องพิจารณาใน 3 ประเด็น คือ การควบคุมเชิงกายภาพ
การควบคุมเชิงตรรกะ และการควบคุมการบริหาร แม้ระบบเครือข่ายและสารสนเทศจะมีระบบการป้องกันความเสียหายและการบุกรุกจากผู้ไม่มีสิทธิ์ก็ตาม แต่การป้องกันไม่สามารถสร้างความถูกต้องให้เกิดขึ้นกับสารสนเทศได้โดยตรง
หากจะสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้ระบบสารสนเทศบนเครือข่ายว่าจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลงโดยผู้ไม่มีสิทธิ์หรืออุบัติเหตุ เป็นการสร้างความถูกต้องให้แก่สารสนเทศโดยอ้อม วิธีเหล่านี้เป็นวิธีที่สร้างความเป็นบูรณภาพให้แก่สารสนเทศบนเครือข่ายให้เกิดขึ้น
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
การควบคุมเชิงกายภาพ
การควบคุมการเข้าถึงสารสนเทศจากผู้บุกรุกรวมถึงการควบคุมป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดจากภัยธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์และเทคโนโลยี
การควบคุมและป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดจากภัยธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์ในการควบคุมเชิงกายภาพเป็นการควบคุมที่ง่ายที่สุดคือ
- ผู้ดูแลระบบสารสนเทศบนเครือข่ายควรดำเนินการสำเนาสารสนเทศและเก็บในสถานที่แตกต่างจากแหล่งเก็บข้อมูลต้นฉบับ เมื่อเกิดภัยธรรมชาติหรือเกิดความเสียหายต่อสารสนเทศบนเครือข่าย ผู้ดูแลระบบจะสามารถกู้สารสนเทศ
- องค์กรควรสร้างหรือห้องเก็บระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศในสถานที่ที่ปลอดภัยจากสภาวะความร้อนจัด น้ำท่วม และแผ่นดินไหว
- การป้องกันโดยการควบคุมผู้ไม่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงคอมพิวเตอร์และสารสนเทศด้วยการติดตั้งกล้องวงจรปิดและหมั่นตรวจสอบการทำงานของระบบความปลอดภัยอยู่เสมอ
- การควบคุมระบบการส่งกระแสไฟสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้ระบบการทำงานสามารถดำเนินไปได้อย่างปกติ องค์กรจึงจำเป็นิดขต้องมีระบบป้องกันสภาวะไฟตกเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายของระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ
- องค์กรควรตั้งระบบคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากสถานที่หรืออุปกรณ์ที่สามารถปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถสร้างความเสียหายแก่ข้อมูลที่ส่งบนเครือข่ายได้โดยตรง
- องค์กรควรจำลองระบบคอมพิวเตอร์ที่มีระบบความปลอดภัยน้อยให้ทำหน้าที่เป็นตัวล่อ วิธีนี้เป็นการสร้างกับดักไว้ดึงดูดผู้บุกรุกที่เข้ามาในระบบ
ได้สามารถบันทึกพฤติกรรมของผู้บุกรุกไว้เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการบุกรุกที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผู้ดูแลระบบสามารถระบุถึงรูปแบบการบุกรุกของเหล่าแฮ็กเกอร์ได้มากขึ้น วิธีนี้ถือเป็นการตรวจตราอีกประการหนึ่ง
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 089-815-7321, 081-721-5542
สิ่งที่ควรทำหลังจากกล้องวงจรปิดโอนแฮ็ก เข้าระบบของเรา
1. เปลี่ยนรหัสผ่าน ทำนี้เป็นขั้นตอนแรก เปลี่ยนรหัสผ่านทั้งของกล้องและเราท์เตอร์ของคุณ เลือกรหัสที่แข็งแกร่งและไม่ซ้ำกับรหัสผ่านอื่นๆ ที่คุณใช้งาน.
2. ตรวจสอบและอัปเดตเฟิร์มแวร์ ตรวจสอบว่ากล้องของคุณใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันล่าสุด เพื่อป้องกันช่องโหว่.
3. ตั้งค่า Two-Factor Authentication (2FA) การตั้งค่า 2FA จะเพิ่มระดับความปลอดภัยโดยการต้องการรหัสยืนยันที่ส่งไปยังโทรศัพท์หรืออีเมลของคุณเมื่อมีการเข้าสู่ระบบ.
4. ตรวจสอบความผิดปกติในการเข้าถึงระบบ ตรวจสอบประวัติการเข้าถึงกล้องเป็นประจำ หากพบกิจกรรมที่ผิดปกติให้เปลี่ยนรหัสผ่านทันที.
5. จำกัดการเข้าถึงกล้อง จำกัดการเข้าถึงกล้องให้เฉพาะอุปกรณ์ที่ไว้วางใจ เช่น สมาร์ทโฟนส่วนตัวหรือคอมพิวเตอร์ของคุณ.
6. ติดตั้ง Firewall และซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส Firewall และซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสช่วยป้องกันการโจมตีจากอินเทอร์เน็ต.
7. เลือกอุปกรณ์ IoT อย่างรอบคอบ บางครั้งกล้องวงจรปิด IoT อาจมีช่องโหว่ ควรเลือกผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงด้านความปลอดภัย.
8. ใช้การเข้ารหัส end-to-end การเข้ารหัส end-to-end ในกล้องจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้อื่นสามารถดูภาพได้.
9. หากสงสัยว่าถูกแฮ็ก ถอดปลั๊กกล้องออกจากไฟ และติดต่อผู้ผลิตและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น.
10. ใช้บริการติดตั้งมืออาชีพ การติดตั้งโดยมืออาชีพสามารถลดความเสี่ยงของการตั้งค่าที่ผิดพลาด.
Related link : รั้วไฟฟ้ากันขโมย สัญญาณกันขโมย
คำถามที่พบบ่อย กล้องวงจรปิดโอนแฮ็ก มือใหม่ใช้กล้องวงจรปิด
1. กล้องวงจรปิดของฉันสามารถถูกแฮ็กได้ไหม?
- ใช่ หากไม่มีมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม กล้องวงจรปิดสามารถถูกแฮ็กได้
2. อะไรทำให้กล้องวงจรปิดถูกแฮ็ก?
- การใช้รหัสผ่านที่อ่อนแอ, การไม่อัปเดตซอฟต์แวร์, ช่องโหว่ของซอฟต์แวร์ และการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย
3. ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่ากล้องถูกแฮ็ก?
- สัญญาณเช่น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของกล้อง, การเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต, หรือประสิทธิภาพที่ลดลง
4. ฉันควรทำอย่างไรเมื่อกล้องถูกแฮ็ก?
- เปลี่ยนรหัสผ่านทันที, ตัดการเชื่อมต่อกล้องจากเครือข่าย และติดต่อผู้ผลิตหรือผู้เชี่ยวชาญ
5. วิธีป้องกันกล้องวงจรปิดไม่ให้ถูกแฮ็กคืออะไร?
- ใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่ง, อัปเดตซอฟต์แวร์เป็นประจำ, ใช้การเชื่อมต่อที่ปลอดภัย, และจำกัดการเข้าถึง
6. การใช้ Wi-Fi สาธารณะกับกล้องวงจรปิดปลอดภัยไหม?
- ไม่แนะนำ เนื่องจาก Wi-Fi สาธารณะมักไม่ปลอดภัยและอาจทำให้เกิดช่องโหว่
7. การเข้ารหัสการเชื่อมต่อเครือข่ายมีความสำคัญอย่างไร?
- การเข้ารหัสช่วยป้องกันการดักจับข้อมูลและป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
8. การใช้กล้องวงจรปิดที่มีมาตรฐานสากลมีความสำคัญไหม?
- มีความสำคัญ เนื่องจากมาตรฐานสากลช่วยรับประกันความปลอดภัยและความเชื่อถือได้ของอุปกรณ์
9. การทำเฟิร์มแวร์และซอฟต์แวร์อัปเดตสำคัญอย่างไร?
- ช่วยปิดช่องโหว่ของความปลอดภัยและป้องกันการโจมตีจากมัลแวร์
10. ฉันควรจำกัดการเข้าถึงกล้องวงจรปิดไหม?
- ใช่ การจำกัดการเข้าถึงเฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตช่วยลดความเสี่ยงของการถูกแฮ็ก
การรับมือกับเหตุการณ์การถูกแฮ็กกล้องวงจรปิดควรปฏิบัติอย่างระมัดระวังและให้ความสำคัญกับการป้องกัน.
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา